โกฏฐิกสูตร
ท่านพระสารีบุตรแสดงธรรมแก่ท่านพระมหาโกฏฐิกะว่า
จักษุไม่ได้เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวของรูป รูปก็ไม่ได้เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวของจักษุ แต่ความพอใจรักใคร่เกิดขึ้นเพราะอาศัยจักษุและรูปทั้งสองนั้น เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวในจักษุและรูปนั้น
หูไม่ได้เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวของเสียง เสียงก็ไม่ได้เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวของหู แต่ความพอใจรักใคร่เกิดขึ้นเพราะอาศัยหูและเสียงทั้งสองนั้น เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวในหูและเสียงนั้น
จมูกไม่ได้เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวของกลิ่น กลิ่นก็ไม่ได้เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวของจมูก แต่ความพอใจรักใคร่เกิดขึ้นเพราะอาศัยจมูกและกลิ่นทั้งสองนั้น เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวในจมูกและกลิ่นนั้น
ลิ้นไม่ได้เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวของรส รสก็ไม่ได้เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวของลิ้น แต่ความพอใจรักใคร่เกิดขึ้นเพราะอาศัยลิ้นกับรสทั้งสองนั้น เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวในลิ้นและรสนั้น
กายไม่ได้เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวของโผฏฐัพพะ โผฏฐัพพะก็ไม่ได้เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวของกาย แต่ความพอใจรักใคร่เกิดขึ้นเพราะอาศัยกายและโผฏฐัพพะทั้งสองนั้น เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวในกายและโผฏฐัพพะนั้น
ใจไม่ได้เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวของธรรมารมณ์ ธรรมารมณ์ก็ไม่ได้เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวของใจ แต่ความพอใจรักใคร่เกิดขึ้นเพราะอาศัยใจและธรรมารมณ์ทั้งสองนั้น เป็นเครื่องเกาะเกี่ยวในใจและธรรมารมณ์นั้น
แล้วกล่าวต่อไปว่า
พระเนตร พระโสต พระนาสิก พระชิวหา พระกาย และพระมนัสของพระผู้มีพระภาคมีอยู่ พระองค์ก็ทรงเห็นรูปด้วยพระเนตร ทรงฟังเสียงด้วยพระโสต ทรงสูดกลิ่นด้วยพระนาสิก ทรงลิ้มรสด้วยพระชิวหา ทรงถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยพระกาย และทรงรู้แจ้งธรรมารมณ์ด้วยพระมนัส แต่พระองค์ไม่มีความพอใจรักใคร่เลย พระองค์ทรงมีจิตหลุดพ้นดีแล้ว
อ่าน โกฏฐิกสูตร
พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ

พระธรรม
ธรรมปฏิบัติ
พระธรรม
วิเวก
พระธรรม
ธรรมวิภังค์
พระธรรม
เวทัลลธรรม
พระธรรม
ความไม่ประมาท
พระธรรม
อานุภาพกรรม
พระธรรม
สุคติ สุคโต
พระธรรม
ครอบครัวโดยธรรม