(๑) โทสาคติ เป็น ๑ ใน อคติ ๔
(๒) คำว่า ไม่พึงถึงโทสาคติ นั้น ความว่า เมื่อถึงโทสาคติ ถึงอย่างไร
ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ ผูกอาฆาตว่า
ผู้นี้ได้ก่อความพินาศแก่เราแล้ว
ผู้นี้กำลังก่อความพินาศแก่เรา
ผู้นี้จักก่อความพินาศแก่เรา
ผู้นี้ได้ก่อความพินาศแก่เราผู้เป็นที่รักที่พอใจ
ผู้นี้กำลังก่อความพินาศแก่เราผู้เป็นที่รักที่พอใจ
ผูกอาฆาตว่า
ผู้นี้จักก่อความพินาศแก่เราผู้เป็นที่รักที่พอใจ
ผู้นี้ได้ก่อประโยชน์แก่เราผู้ไม่เป็นที่รักไม่เป็นที่พอใจ
ผู้นี้กำลังก่อประโยชน์แก่เราผู้ไม่เป็นที่รักไม่เป็นที่พอใจ
ผู้นี้จักก่อประโยชน์แก่เราผู้ไม่เป็นที่รักไม่เป็นที่พอใจ
ภิกษุนั้นอาฆาต ปองร้าย ขุ่นเคือง อันความโกรธครอบงำเพราะอาฆาตวัตถุ ๙ อย่างนี้
จึงแสดงอธรรมว่าธรรม แสดงธรรมว่าอธรรม
แสดงอวินัยว่าวินัย แสดงวินัยว่าอวินัย
แสดงสิ่งที่พระตถาคตไม่ได้ตรัสภาษิต ว่าพระตถาคตตรัสภาษิตแล้ว
แสดงสิ่งที่พระตถาคตตรัสภาษิตแล้ว ว่าพระตถาคตไม่ได้ตรัสภาษิต
แสดงสิ่งที่พระตถาคตไม่ได้ทรงประพฤติมา ว่าพระตถาคตทรงประพฤติมาแล้ว
แสดงสิ่งที่พระตถาคตทรงประพฤติมาแล้ว ว่าพระตถาคตไม่ได้ทรงประพฤติมา
แสดงสิ่งที่พระตถาคตไม่ได้ทรงบัญญัติว่าพระตถาคตทรงบัญญัติแล้ว
แสดงสิ่งที่พระตถาคตทรงบัญญัติแล้ว ว่าพระตถาคตไม่ได้ทรงบัญญัติ
แสดงอนาบัติว่าอาบัติ แสดงอาบัติว่าอนาบัติ
แสดงอาบัติเบาว่าอาบัติหนัก แสดงอาบัติหนักว่าอาบัติเบา
แสดงอาบัติมีส่วนเหลือว่าอาบัติไม่มีส่วนเหลือ
แสดงอาบัติไม่มีส่วนเหลือว่าอาบัติมีส่วนเหลือ
แสดงอาบัติชั่วหยาบว่าอาบัติไม่ชั่วหยาบ
แสดงอาบัติไม่ชั่วหยาบว่าอาบัติชั่วหยาบ
ภิกษุผู้ถึงโทสาคติเพราะวัตถุ ๑๘ อย่างนี้ ย่อมปฏิบัติเพื่อความไม่เกื้อกูลแก่ชนหมู่มาก เพื่อความไม่เป็นสุขแก่ชนหมู่มาก เพื่อความพินาศแก่ชนหมู่มาก เพื่อความไม่เกื้อกูล เพื่อทุกข์แก่เทวดาและมนุษย์
ภิกษุผู้ถึงโทสาคติเพราะวัตถุ ๑๘ อย่างนี้ ย่อมบริหารตนให้ถูกขุดถูกกำจัด เป็นผู้ประกอบด้วยโทษ อันวิญญูชนพึงติเตียน และย่อมประสพบาปมิใช่บุญมาก
ภิกษุเมื่อถึงโทสาคติ ย่อมถึงอย่างนี้