ธรรม ๔ อย่างที่มีอุปการะมาก คือ
การอยู่ในประเทศอันสมควร ๑
การคบสัตบุรุษ ๑
การตั้งตนไว้ชอบ ๑
ความเป็นผู้มีบุญกระทำไว้แล้วในปางก่อน ๑
ธรรม ๔ อย่างควรให้เจริญ คือ
สติปัฏฐาน ๔ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดความยินดีความยินร้ายในโลกเสียได้
พิจารณาเห็นกายในกายเนือง ๆ อยู่ ๑
พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาเนือง ๆ อยู่ ๑
พิจารณาเห็นจิตในจิตเนือง ๆ อยู่ ๑
พิจารณาเห็นธรรมในธรรมเนือง ๆ อยู่ ๑
ธรรม ๔ อย่างควรกำหนดรู้ คือ
อาหาร ๔ ได้แก่
กวฬิงการาหาร ๑
ผัสสาหาร ๑
มโนสัญเจตนาหาร ๑
วิญญาณาหาร ๑
ธรรม ๔ อย่างควรละ คือ
กาม ๑ ภพ ๑ ทิฐิ ๑ อวิชชา ๑
ธรรม ๔ อย่างเป็นไปในส่วนข้างเสื่อม คือ
กามโยคะ ภวโยคะ ทิฐิโยคะ และอวิชชาโยคะ
ธรรม ๔ อย่างเป็นไปในส่วนข้างวิเศษ คือ
ความพรากจากกาม ๑
ความพรากจากภพ ๑
ความพรากจากทิฐิ ๑
ความพรากจากอวิชชา ๑
ธรรม ๔ อย่างแทงตลอดได้ยาก คือ
สมาธิเป็นไปในส่วนข้างเสื่อม ๑
สมาธิเป็นไปในส่วนข้างทรงอยู่ ๑
สมาธิเป็นไปในส่วนข้างวิเศษ ๑
สมาธิเป็นไปในส่วนข้างแทงตลอด ๑
ธรรม ๔ อย่างควรให้บังเกิดขึ้น คือ
ญาณในธรรม ๑
ญาณในความคล้อยตาม ๑
ญาณในความกำหนด ๑
ญาณในสมมติ ๑
ธรรม ๔ อย่างควรรู้ยิ่ง คือ
ทุกขอริยสัจ ๑
ทุกขสมุทัยอริยสัจ ๑
ทุกขนิโรธอริยสัจ ๑
ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ๑
ธรรม ๔ อย่างควรทำให้แจ้ง คือ
โสดาปัตติผล ๑
สกทาคามิผล ๑
อนาคามิผล ๑
อรหัตตผล ๑