Main navigation

วิธีภาวนา - (ดูทั้งหมด)

การละเวทนา (3 of 3)

พุทธวิธีปฏิบัติธรรม
การละเวทนา (ข้อที่ ๒๗๓)
ทีฆนขสูตร
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง
เล่มที่ ๑๓ ข้อที่ ๒๖๙-๒๗๕

ข้อแนะนำในการปฏิบัติ
ก่อนจะฟัง
พึงเข้าสมาธิสักครู่หนึ่ง
เมื่อได้สมาธิดีแล้ว
ฟังพุทโธวาท และน้อมธรรมมาสู่ใจ
น้อมใจปฏิบัติตามพุทโธวาทตรง ๆ
ให้เข้าใจแจ้ง และได้สภาวะจิตดีจริง
เมื่อได้สภาวะดีใด ให้รักษาสภาวะนั้นออกมาสู่ชีวิตจริง

ความยาววีดีโอ: 4:30 นาที
เวลาปฏิบัติ: 20 นาที

---------------------------

ในวันเพ็ญเดือน ๓ พระพุทธภาคทรงแสดงธรรมแก่ทีฆนขปริพาชกให้ละทิฏฐิ กาย และเวทนาที่ถ้ำสุกรขาตา เมื่อทรงแสดงธรรมจบ พระสารีบุตรซึ่งถวายงานพัดอยู่ สำเร็จอรหันต์ ทีฆนขปริพาชกสำเร็จโสดาบันและแสดงตนเป็นอุบาสกถึงพระรัตนไตรเป็นสรณะ วันนั้นเป็นวันมาฆบูชา 

หลังจากพระสารีบุตรอุปสมบทได้ ๑๕ วัน พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ถ้ำสูกรขาตา เขาคิชฌกูฏ เขตพระนครราชคฤห์ ทีฆนขปริพาชกได้มาเฝ้าพระผู้มีพระภาคแล้วกราบทูลว่า ตนมีความเห็นว่า สิ่งทั้งปวงไม่ควรแก่เรา พระองค์ตรัสตอบว่า แม้ความเห็นที่ว่า สิ่งทั้งปวงไม่ควรแก่เรานั้น ก็ไม่ควรแก่ท่าน ผู้ที่ละความเห็นไม่ได้และยังยึดถือความเห็นอื่นนั้น มีมากกว่าคนที่ละได้ และผู้ที่ละความเห็นได้และไม่ยึดถือความเห็นอื่นนั้น มีน้อยกว่าคนที่ยังละไม่ได้

การละเวทนา

เวทนา มีสามอย่าง คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา และอทุกขมสุขเวทนา เมื่อเสวยเวทนาใดเวทนาหนึ่งก็จะไม่ได้เสวยเวทนาอีกสองอย่าง

ทั้งสุขเวทนา ทุกขเวทนา และอทุกขมสุขเวทนา ล้วนไม่เที่ยง มีปัจจัยปรุงแต่งขึ้น อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไป เสื่อมไป คลายไป ดับไปเป็นธรรมดา

เมื่ออริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอย่างนี้ ย่อมหน่ายทั้งในสุขเวทนา ทุกขเวทนา และอทุกขมสุขเวทนา ย่อมคลายกำหนัด หลุดพ้น มีญาณหยั่งรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี

ผู้มีจิตหลุดพ้นแล้ว ย่อมไม่วิวาทแก่งแย่งกับใคร โวหารใดที่ชาวโลกพูดกัน ก็พูดไปตามโวหารนั้น แต่ไม่ยึดมั่นด้วยทิฎฐิ



 

พระสูตร
ทีฆนขสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๓ ข้อที่ ๒๗๓