พุทธวิธีพิจารณาเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ
พุทธวิธีพิจารณา
เพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ
(สัมมาทิฏฐิ - สัมมาวายามะ)
ปริวีมังสนสูตร
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง
เล่ม ๑๖ ข้อ ๑๘๘-๑๙๒
ข้อแนะนำในการปฏิบัติ
ก่อนจะฟัง
พึงเข้าสมาธิสักครู่หนึ่ง
เมื่อได้สมาธิดีแล้ว
ฟังพุทโธวาท และน้อมธรรมมาสู่ใจ
น้อมใจปฏิบัติตามพุทโธวาทตรง ๆ
ให้เข้าใจแจ้ง และได้สภาวะจิตดีจริง
เมื่อได้สภาวะดีใด ให้รักษาสภาวะนั้นออกมาสู่ชีวิตจริง
วีดีโอ: 25:44 นาที
ปฏิบัติ: 40 นาที
---------
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน ณ ที่นั้น ทรงตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายว่า
ด้วยเหตุเท่าไรหนอแล ภิกษุเมื่อพิจารณา พึงพิจารณาเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ โดยประการทั้งปวง
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เมื่อพิจารณา ย่อมพิจารณาว่า
ทุกข์ คือ ชราและมรณะมีประการต่าง ๆ มากมายเกิดขึ้นในโลก
ทุกข์นี้มีอะไรเป็นเหตุ
มีอะไรเป็นสมุทัย
มีอะไรเป็นกำเนิด
มีอะไรเป็นแดนเกิด
เมื่ออะไรมี ชราและมรณะจึงมี
เมื่ออะไรไม่มี ชราและมรณะจึงไม่มี
ภิกษุนั้นย่อมรู้ประจักษ์ชราและมรณะ
ย่อมรู้ประจักษ์เหตุเกิดชราและมรณะ
ย่อมรู้ประจักษ์ความดับแห่งชราและมรณะ
ย่อมรู้ประจักษ์ปฏิปทาอันสมควรที่ให้ถึงความดับแห่งชราและมรณะ
และย่อมเป็นผู้ปฏิบัติอย่างนั้น เป็นผู้ประพฤติธรรมอันสมควร
ภิกษุนี้เราเรียกว่า เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ โดยประการทั้งปวง เพื่อความดับแห่งชราและมรณะ
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เมื่อพิจารณา ย่อมพิจารณาว่า
ชาตินี้มีอะไรเป็นเหตุ
มีอะไรเป็นสมุทัย
มีอะไรเป็นกำเนิด
มีอะไรเป็นแดนเกิด
เมื่ออะไรมี ชาติจึงมี
เมื่ออะไรไม่มี ชาติจึงไม่มี
ภิกษุนั้นย่อมรู้ประจักษ์ชาติ
ย่อมรู้ประจักษ์เหตุเกิดแห่งชาติ
ย่อมรู้ประจักษ์ความดับแห่งชาติ
ย่อมรู้ประจักษ์ปฏิปทาอันสมควรที่ให้ถึงความดับแห่งชาติ
และย่อมเป็นผู้ปฏิบัติอย่างนั้น เป็นผู้ประพฤติธรรมอันสมควร
ภิกษุนี้เราเรียกว่า เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ โดยประการทั้งปวง เพื่อความดับแห่งชาติ
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เมื่อพิจารณา ย่อมพิจารณาว่า
ภพนี้มีอะไรเป็นเหตุ
มีอะไรเป็นสมุทัย
มีอะไรเป็นกำเนิด
มีอะไรเป็นแดนเกิด
เมื่ออะไรมี ภพจึงมี
เมื่ออะไรไม่มี ภพจึงไม่มี
ภิกษุนั้นย่อมรู้ประจักษ์ภพ
ย่อมรู้ประจักษ์เหตุเกิดแห่งภพ
ย่อมรู้ประจักษ์ความดับแห่งภพ
ย่อมรู้ประจักษ์ปฏิปทาอันสมควรที่ให้ถึงความดับแห่งภพ
และย่อมเป็นผู้ปฏิบัติอย่างนั้น เป็นผู้ประพฤติธรรมอันสมควร
ภิกษุนี้เราเรียกว่า เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ โดยประการทั้งปวง เพื่อความดับแห่งภพ
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เมื่อพิจารณา ย่อมพิจารณาว่า
อุปาทานนี้มีอะไรเป็นเหตุ
มีอะไรเป็นสมุทัย
มีอะไรเป็นกำเนิด
มีอะไรเป็นแดนเกิด
เมื่ออะไรมี อุปาทานจึงมี
เมื่ออะไรไม่มี อุปาทานจึงไม่มี
ภิกษุนั้นย่อมรู้ประจักษ์อุปาทาน
ย่อมรู้ประจักษ์เหตุเกิดแห่งอุปาทาน
ย่อมรู้ประจักษ์ความดับแห่งอุปาทาน
ย่อมรู้ประจักษ์ปฏิปทาอันสมควรที่ให้ถึงความดับแห่งอุปาทาน
และย่อมเป็นผู้ปฏิบัติอย่างนั้น เป็นผู้ประพฤติธรรมอันสมควร
ภิกษุนี้เราเรียกว่า เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ โดยประการทั้งปวง เพื่อความดับแห่งอุปาทาน...
...ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เมื่อพิจารณา ย่อมพิจารณาว่า
วิญญาณนี้มีอะไรเป็นเหตุ
มีอะไรเป็นสมุทัย
มีอะไรเป็นกำเนิด
มีอะไรเป็นแดนเกิด
เมื่ออะไรมี วิญญาณจึงมี
เมื่ออะไรไม่มี วิญญาณจึงไม่มี
ภิกษุนั้นย่อมรู้ประจักษ์วิญญาณ
ย่อมรู้ประจักษ์เหตุเกิดแห่งวิญญาณ
ย่อมรู้ประจักษ์ความดับแห่งวิญญาณ
ย่อมรู้ประจักษ์ปฏิปทาอันสมควรที่ให้ถึงความดับแห่งวิญญาณ
และย่อมเป็นผู้ปฏิบัติอย่างนั้น เป็นผู้ประพฤติธรรมอันสมควร
ภิกษุนี้เราเรียกว่า เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ โดยประการทั้งปวง เพื่อความดับแห่งวิญญาณ
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เมื่อพิจารณา ย่อมพิจารณาว่า
สังขารนี้มีอะไรเป็นเหตุ
มีอะไรเป็นสมุทัย
มีอะไรเป็นกำเนิด
มีอะไรเป็นแดนเกิด
เมื่ออะไรมี สังขารจึงมี
เมื่ออะไรไม่มี สังขารจึงไม่มี
ภิกษุนั้นย่อมรู้ประจักษ์สังขาร
ย่อมรู้ประจักษ์เหตุเกิดแห่งสังขาร
ย่อมรู้ประจักษ์ความดับแห่งสังขาร
ย่อมรู้ประจักษ์ปฏิปทาอันสมควรที่ให้ถึงความดับแห่งสังขาร
และย่อมเป็นผู้ปฏิบัติอย่างนั้น เป็นผู้ประพฤติธรรมอันสมควร
ภิกษุนี้เราเรียกว่า เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบ โดยประการทั้งปวง เพื่อความดับแห่งสังขาร
บุคคลตกอยู่ในอวิชชา
ถ้าสังขารที่เป็นบุญปรุงแต่ง
...วิญญาณก็เข้าถึงบุญ
ถ้าสังขารที่เป็นบาปปรุงแต่ง
...วิญญาณก็เข้าถึงบาป
ถ้าสังขารที่เป็นอเนญชาปรุงแต่ง
...วิญญาณก็เข้าถึงอเนญชา
ในกาลใดแล ภิกษุละอวิชชาได้แล้ว วิชชาเกิดขึ้นแล้ว ในกาลนั้น ภิกษุนั้นก็ไม่ทำกรรมเป็นบุญ ไม่ทำกรรมเป็นบาป ไม่ทำกรรมเป็นอเนญชา เพราะสำรอกอวิชชาเสีย เพราะมีวิชชาเกิดขึ้น
เมื่อไม่ทำ เมื่อไม่คิด ก็ไม่ถือมั่นอะไร ๆ ในโลก
เมื่อไม่ถือมั่น ก็ไม่สะดุ้งกลัว
เมื่อไม่สะดุ้งกลัว ก็ปรินิพพานเฉพาะตน
ย่อมรู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี