Main navigation

วิธีภาวนา - (ดูทั้งหมด)

ธรรมปริยายชำแรกกิเลส - เวทนา

พุทธวิธีปฏิบัติธรรม
ธรรมปริยายชำแรกกิเลส - เวทนา
นิพเพธิกสูตร
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง
เล่มที่ ๒๒ ข้อ ๓๓๔

ข้อแนะนำในการปฏิบัติ
ก่อนจะฟัง
พึงเข้าสมาธิสักครู่หนึ่ง
เมื่อได้สมาธิดีแล้ว
ฟังพุทโธวาท และน้อมธรรมมาสู่ใจ
น้อมใจปฏิบัติตามพุทโธวาทตรง ๆ
ให้เข้าใจแจ้ง และได้สภาวะจิตดีจริง
เมื่อได้สภาวะดีใด ให้รักษาสภาวะนั้นออกมาสู่ชีวิตจริง

ความยาววีดีโอ: 4:57 นาที
เวลาปฏิบัติ: 10 นาที

____________

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

เธอทั้งหลายพึงทราบเวทนา 
เหตุเกิดแห่งเวทนา 
ความต่างแห่งเวทนา 
วิบากแห่งเวทนา 
ความดับแห่งเวทนา 
ปฏิปทาที่ให้ถึงความดับเวทนา 

ข้อที่เรากล่าวนี้ว่า เธอทั้งหลายพึงทราบเวทนา เหตุเกิดแห่งเวทนา ความต่างแห่งเวทนา วิบากแห่งเวทนา ความดับแห่งเวทนา ปฏิปทาที่ให้ถึงความดับเวทนานั้น เราอาศัยอะไรกล่าว 

เวทนา ๓ ประการนี้ คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา 

ก็เหตุเกิดแห่งเวทนาเป็นไฉน คือ ผัสสะเป็นเหตุเกิดแห่งเวทนา 

ก็ความต่างกันแห่งเวทนาเป็นไฉน คือ 
สุขเวทนาที่เจือด้วยอามิสมีอยู่ 
สุขเวทนาที่ไม่เจือด้วยอามิสมีอยู่
ทุกขเวทนาที่เจือด้วยอามิสมีอยู่ 
ทุกขเวทนาที่ไม่เจือด้วยอามิสมีอยู่ 
อทุกขมสุขเวทนาที่เจือด้วยอามิสมีอยู่ 
อทุกขมสุขเวทนาที่ไม่เจือด้วยอามิสมีอยู่ 
นี้เรียกว่าความต่างแห่งเวทนา 

วิบากแห่งเวทนาเป็นไฉน คือ การที่บุคคลผู้เสวยเวทนาอยู่ย่อมยังอัตภาพที่เกิดขึ้นจากเวทนานั้น ๆ ให้เกิดขึ้น เป็นส่วนบุญหรือเป็นส่วนมิใช่บุญ นี้เรียกว่าวิบากแห่งเวทนา 

ก็ความดับแห่งเวทนาเป็นไฉน คือ ความดับแห่งเวทนาย่อมเกิดขึ้นเพราะความดับแห่งผัสสะ 

อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการนี้แล คือ สัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ เป็นข้อปฏิบัติที่ให้ถึงความดับแห่งเวทนา

ก็เมื่อใดอริยสาวกย่อมทราบชัดเวทนา 
เหตุเกิดแห่งเวทนา 
ความต่างกันแห่งเวทนา 
วิบากแห่งเวทนา 
ความดับแห่งเวทนา 
ปฏิปทาที่ให้ถึงความดับแห่งเวทนาอย่างนี้ ๆ 

เมื่อนั้น อริยสาวกนั้นย่อมทราบชัด พรหมจรรย์อันเป็นไปในส่วนแห่งการชำแรกกิเลส เป็นที่ดับเวทนานี้

ข้อที่เรากล่าวว่า เธอทั้งหลายพึงทราบเวทนา เหตุเกิดแห่งเวทนา ความต่างกันแห่งเวทนา วิบากแห่งเวทนา ความดับแห่งเวทนา ปฏิปทาที่ให้ถึงความดับเวทนา ดังนี้นั้น เราอาศัยข้อนี้กล่าว
 

พระสูตร
นิพเพธิกสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๒ ข้อ ๓๓๔