Main navigation

วิธีภาวนา - (ดูทั้งหมด)

อุปมาขันธ์ ๕ ด้วยเสาล่ามสุนัข | คัททูลสูตรที่ ๒

พุทธวิธีปฏิบัติธรรม
อุปมาขันธ์ ๕ ด้วยเสาล่ามสุนัข
คัททูลสูตรที่ ๒
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง
เล่มที่ ๑๗ ข้อที่ ๑๕๒-๑๕๓

ข้อแนะนำในการปฏิบัติ
ก่อนจะฟัง
พึงเข้าสมาธิสักครู่หนึ่ง
เมื่อได้สมาธิดีแล้ว
ฟังพุทโธวาท และน้อมธรรมมาสู่ใจ
น้อมใจปฏิบัติตามพุทโธวาทตรง ๆ
ให้เข้าใจแจ้ง และได้สภาวะจิตดีจริง
เมื่อได้สภาวะดีใด ให้รักษาสภาวะนั้นออกมาสู่ชีวิตจริง

ความยาววีดีโอ: 10:10 นาที
เวลาปฏิบัติ: 18 นาที

--------


ณ พระนครสาวัตถี พระผู้มีพระภาคตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย
สงสารนี้ที่สุด เบื้องต้น เบื้องปลายรู้ไม่ได้
ที่สุดเบื้องต้น ย่อมไม่ปรากฏแก่สัตว์ทั้งหลาย
ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกางกั้น
มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่

ดูกรภิกษุทั้งหลาย สุนัขที่เขาผูกไว้ด้วยเชือก ถูกล่ามไว้ที่หลักหรือเสาอันมั่นคง ถ้าแม้มันเดิน มันก็ย่อมเดินใกล้หลักหรือเสานั้นเอง

ถ้าแม้มันยืนมันก็ย่อมยืนใกล้หลักหรือเสานั้นเอง
ถ้าแม้มันนั่ง มันก็ย่อมนั่งใกล้หลักหรือเสานั้นเอง
ถ้าแม้มันนอน มันก็ย่อมนอนใกล้หลักหรือเสานั้นเอง แม้ฉันใด

ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ฉันนั้นเหมือนกันแล ย่อมตามเห็นรูปว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตนของเรา

ย่อมตามเห็นเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตนของเรา

ปุถุชนนั้น ถ้าแม้เดิน เขาก็ย่อมเดินใกล้อุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้นั้นเอง
ถ้าแม้ยืน เขาก็ย่อมยืนใกล้อุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้นั้นเอง
ถ้าแม้นั่ง เขาก็ย่อมนั่งใกล้อุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้นั้นเอง
ถ้าแม้นอน เขาย่อมนอนใกล้อุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้นั้นเอง

เพราะเหตุนั้นแล เธอทั้งหลาย พึงพิจารณาจิตของตนเนือง ๆ ว่า จิตนี้เศร้าหมองแล้วด้วยราคะ โทสะ โมหะสิ้นกาลนาน

สัตว์ทั้งหลายย่อมเศร้าหมองเพราะจิตเศร้าหมอง
สัตว์ทั้งหลายย่อมบริสุทธิ์ เพราะจิตผ่องแผ้ว

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภาพนิทรรศการนั้น เธอทั้งหลายเห็นแล้วหรือ

ภาพนิทรรศการนั้นแล ช่างเขียนคิดแล้วด้วยจิตนั่นแหละ

จิตนั้นแหละ วิจิตรกว่าภาพนิทรรศการแม้นั้น

เพราะเหตุนั้น เธอทั้งหลายพึงพิจารณาจิตของตนเนือง ๆ ว่า จิตนี้เศร้าหมองด้วย ราคะ โทสะ โมหะ สิ้นกาลนาน

สัตว์ทั้งหลายย่อมเศร้าหมอง เพราะจิตเศร้าหมอง
สัตว์ทั้งหลายย่อมบริสุทธิ์ เพราะจิตผ่องแผ้ว

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่พิจารณาเห็นหมู่สัตว์อื่นแม้เพียงหมู่หนึ่ง ซึ่งวิจิตรเหมือนอย่างสัตว์ดิรัจฉานทั้งหลายนี้เลย สัตว์ดิรัจฉานเหล่านี้ คนคิดด้วยจิตนั่นแหละ จิตนั่นแหละวิจิตรกว่าสัตว์ดิรัจฉานเหล่านั้น

เพราะเหตุนั้น เธอทั้งหลายพึงพิจารณาจิตของตนเนืองๆ ว่า จิตนี้เศร้าหมองแล้วด้วยราคะ โทสะ โมหะ สิ้นกาลนาน

สัตว์ทั้งหลายย่อมเศร้าหมอง เพราะจิตเศร้าหมอง
สัตว์ทั้งหลายย่อมบริสุทธิ์ เพราะจิตผ่องแผ้ว

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ช่างย้อมหรือช่างเขียน เมื่อมีเครื่องย้อมก็ดี ครั่งก็ดี ขมิ้นก็ดี สีเขียวก็ดี สีแดงก็ดี พึงเขียนรูปสตรีหรือรูปบุรุษ มีอวัยวะใหญ่น้อยครบทุกส่วนลงที่แผ่นกระดานเกลี้ยงเกลา หรือที่ฝา หรือที่แผ่นผ้า แม้ฉันใด

ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อจะให้เกิด ย่อมยังรูปนั่นแหละให้เกิด

เมื่อจะให้เกิด ย่อมยังเวทนานั่นแหละให้เกิด
เมื่อจะให้เกิด ย่อมยังสัญญานั่นแหละให้เกิด
เมื่อจะให้เกิด ย่อมยังสังขารนั่นแหละให้เกิด
เมื่อจะให้เกิด ย่อมยังวิญญาณนั่นแหละให้เกิด

เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นอย่างไร
รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง
เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เที่ยงหรือไม่เที่ยง

เพราะเหตุนั้นแล อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในรูป ทั้งในเวทนา ทั้งในสัญญา ทั้งในสังขาร ทั้งในวิญญาณ

เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด
เพราะคลายกำหนัด ย่อมหลุดพ้น
เมื่อหลุดพ้นแล้ว ก็รู้ชัดว่าหลุดพ้นแล้ว
รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มี

 

พระสูตร
คัททูลสูตรที่ ๒ พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๗ ข้อที่ ๑๕๒-๑๕๓