การรู้ยิ่งซึ่งอุปาทานขันธ์ ๕ โดยเวียนรอบ ๔ | ปริวัฏฏสูตร
การรู้ยิ่งซึ่งอุปาทานขันธ์ ๕
โดยเวียนรอบ ๔
ปริวัฏฏสูตร
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง
เล่มที่ ๑๗ ข้อ ๑๑๒-๑๑๗
ข้อแนะนำในการปฏิบัติ
ก่อนจะฟัง
พึงเข้าสมาธิสักครู่หนึ่ง
เมื่อได้สมาธิดีแล้ว ฟังพุทโธวาท
และน้อมธรรมมาสู่ใจ น้อมใจปฏิบัติ
ตามพุทโธวาทตรง ๆ ให้เข้าใจแจ้ง
และได้สภาวะจิตดีจริง
เมื่อได้สภาวะดีใด ให้รักษาสภาวะนั้นออกมาสู่ชีวิตจริง
ความยาววีดีโอ: 17:28 นาที
เวลาปฏิบัติ: 25 นาที
--------
พระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลายอุปาทานขันธ์ ๕ ประการนี้ คือ
อุปาทานขันธ์คือรูป
อุปาทานขันธ์คือเวทนา
อุปาทานขันธ์คือสัญญา
อุปาทานขันธ์คือสังขาร
อุปาทานขันธ์คือวิญญาณ
ดูกรภิกษุทั้งหลายเรายังไม่รู้ยิ่งซึ่งอุปาทานขันธ์ ๕ ประการนี้ โดยเวียนรอบ ๔ ตามความเป็นจริง เพียงใด เราก็ยังไม่ปฏิญาณว่า เป็นผู้ตรัสรู้ชอบยิ่งซึ่งสัมมาสัมโพธิญาณ อย่างยอดเยี่ยม เมื่อใดแล เรารู้ยิ่งซึ่งอุปาทานขันธ์ ๕ เหล่านี้ โดยเวียนรอบ ๔ ตามความเป็นจริง เมื่อนั้น เราจึงปฏิญาณว่า เป็นผู้ตรัสรู้ชอบยิ่งซึ่งสัมมาสัมโพธิญาณ อย่างยอดเยี่ยมในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์
เวียนรอบ ๔ อย่างไร คือ
เรารู้ยิ่งซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ความเกิดแห่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ความดับแห่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ก็รูปเป็นไฉน คือ มหาภูตรูป ๔ และรูปที่อาศัยมหาภูตรูป ๔ นี้เรียกว่ารูป
ความเกิดขึ้นแห่งรูป ย่อมมีเพราะความเกิดขึ้นแห่งอาหาร
ความดับแห่งรูป ย่อมมีเพราะความดับแห่งอาหาร
อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ นี้แลเป็นปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งรูป
ก็เวทนาเป็นไฉน
เวทนา ๖ หมวดนี้ คือ เวทนาเกิดแต่จักขุสัมผัส เวทนาเกิดแต่โสตสัมผัส เวทนาเกิดแต่ฆานสัมผัส เวทนาเกิดแต่ชิวหาสัมผัส เวทนาเกิดแต่กายสัมผัส เวทนาเกิดแต่มโนสัมผัส นี้เรียกว่าเวทนา
ความเกิดขึ้นแห่งเวทนา ย่อมมีเพราะความเกิดขึ้นแห่งผัสสะ
ความดับแห่งเวทนา ย่อมมีเพราะความดับแห่งผัสสะ
อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ นี้แลเป็นปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งเวทนา
ก็สัญญาเป็นไฉน
สัญญา ๖ หมวดนี้คือ ความสำคัญในรูป ความสำคัญในเสียง ความสำคัญในกลิ่น ความสำคัญในรส ความสำคัญในโผฏฐัพพะ ความสำคัญในธรรมารมณ์ นี้เรียกว่าสัญญา
ความเกิดขึ้นแห่งสัญญา ย่อมมีเพราะความเกิดขึ้นแห่งผัสสะ
ความดับแห่งสัญญา ย่อมมีเพราะความดับแห่งผัสสะ
อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ นี้แลเป็นปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งสัญญา
ก็สังขารเป็นไฉน
เจตนา ๖ หมวดนี้ คือ รูปสัญเจตนา สัททสัญเจตนา คันธสัญเจตนา รสสัญเจตนา โผฏฐัพพสัญเจตนา ธรรมสัญเจตนา นี้เรียกว่าสังขาร
ความเกิดขึ้นแห่งสังขาร ย่อมมีเพราะความเกิดขึ้นแห่งผัสสะ
ความดับแห่งสังขาร ย่อมมีเพราะความดับแห่งผัสสะ
อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ นี้แลเป็นปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งสังขาร
วิญญาณเป็นไฉน
วิญญาณ ๖ หมวดนี้ คือ จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ มโนวิญญาณ นี้เรียกว่าวิญญาณ
ความเกิดขึ้นแห่งวิญญาณ ย่อมมีเพราะความเกิดขึ้นแห่งนามรูป
ความดับแห่งวิญญาณ ย่อมมีเพราะความดับแห่งนามรูป
อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ นี้แลเป็นปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งวิญญาณ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด รู้ยิ่งซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อย่างนี้
รู้ยิ่งซึ่งความเกิดแห่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อย่างนี้
รู้ยิ่งซึ่งความดับแห่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อย่างนี้
รู้ยิ่งซึ่งปฏิปทาอันให้ถึงความดับแห่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ อย่างนี้
ปฏิบัติแล้วเพื่อความหน่าย เพื่อความคลายกำหนัด เพื่อความดับรูป สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น ชื่อว่าปฏิบัติดีแล้ว ชนเหล่าใดปฏิบัติดีแล้ว ชนเหล่านั้น ชื่อว่าย่อมหยั่งลงในธรรมวินัยนี้
ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด เป็นผู้หลุดพ้นแล้ว เพราะเบื่อหน่าย เพราะคลายกำหนัด เพราะความดับ เพราะไม่ถือมั่นรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นชื่อว่า หลุดพ้นแล้วดี สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด หลุดพ้นดีแล้ว สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น เป็นผู้มีกำลังสามารถเป็นของตน สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด เป็นผู้มีกำลังสามารถเป็นของตน ความเวียนวนเพื่อปรากฏ ย่อมไม่มีแก่สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น