Main navigation

วิธีภาวนา - (ดูทั้งหมด)

พิจารณากองทุกข์ใหญ่ - กาม รูป เวทนา | มหาทุกขักขันธสูตร

พิจารณากองทุกข์ใหญ่
- กาม รูป เวทนา
มหาทุกขักขันธสูตร
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง
เล่มที่ ๑๒ ข้อที่ ๑๙๔-๒๐๘

ข้อแนะนำในการปฏิบัติ
ก่อนจะฟัง
พึงเข้าสมาธิสักครู่หนึ่ง
เมื่อได้สมาธิดีแล้ว
ฟังพุทโธวาท และน้อมธรรมมาสู่ใจ
น้อมใจปฏิบัติตามพุทโธวาทตรง ๆ
ให้เข้าใจแจ้ง และได้สภาวะจิตดีจริง
เมื่อได้สภาวะดีใด ให้รักษาสภาวะนั้นออกมาสู่ชีวิตจริง

ความยาววีดิทัศน์ 30:50 นาที
เวลาปฏิบัติ 45 นาที

_____


สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี

พระผู้มีพระภาคตรัสกับภิกษุทั้งหลายว่า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่า เป็นคุณของกามทั้งหลาย

กามคุณ ๕ ประการนี้ คือ

รูปที่พึงรู้แจ้งด้วยจักษุ
เสียงที่พึงรู้แจ้งด้วยโสต
กลิ่นที่พึงรู้แจ้งด้วยฆานะ
รสที่พึงรู้แจ้งด้วยชิวหา
โผฏฐัพพะที่พึงรู้แจ้งด้วยกาย

น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ น่ารัก ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด

ความสุข ความโสมนัสใดเล่า อาศัยกามคุณ ๕ เหล่านี้เกิดขึ้น นี้เป็นคุณของกามทั้งหลาย

ก็อะไรเล่า เป็นโทษของกามทั้งหลาย

กุลบุตรในโลกนี้ เลี้ยงชีวิตด้วยความขยันประกอบศิลปใดก็ดี ต้องตรากตรำต่อความหนาว ความร้อน งุ่นง่านอยู่ด้วยสัมผัสจากเหลือบ ยุง ลม แดด และสัตว์เสือกคลานต้องตายด้วยความหิวระหาย

ถ้าเมื่อกุลบุตรนั้นขยัน สืบต่อ พยายามอยู่อย่างนี้ โภคะเหล่านั้นไม่สำเร็จผล เขาย่อมเศร้าโศก ลำบาก รำพัน ตีอก คร่ำครวญ ถึงความหลงเลือนว่าความขยันของเราเป็นโมฆะ ความพยายามของเราไม่มีผล

ถ้าโภคะเหล่านั้นสำเร็จผล เขากลับเสวยทุกข์ โทมนัส ที่มีการคอยรักษาโภคะเหล่านั้น

นี้ ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็น ๆ กันอยู่ มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นตัวบังคับ เกิดเพราะเหตุแห่งกามทั้งหลายทั้งนั้น  

เมื่อกุลบุตรนั้นคอยรักษาคุ้มครองอยู่อย่างนี้ พระราชาทั้งหลายริบโภคะเหล่านั้นไปเสียก็ดี พวกโจรปล้นเอาไปเสียก็ดี ไฟไหม้เสียก็ดี น้ำพัดไปเสียก็ดี ทายาทอัปรีย์นำไปเสียก็ดี เขาย่อมเศร้าโศก ลำบาก รำพัน ตีอก คร่ำครวญ ถึงความหลงเลือนว่า สิ่งใดเคยเป็นของเรา แม้สิ่งนั้นก็ไม่เป็นของเรา

เพราะเหตุแห่งกามทั้งหลายนั้น แม้พระราชาทั้งหลายก็วิวาทกันกับพวกพระราชา แม้พวกพราหมณ์ก็วิวาทกันกับพวกพราหมณ์ แม้คฤหบดีก็วิวาทกันกับพวกคฤหบดี แม้มารดาก็วิวาทกับบุตร แม้บุตรก็วิวาทกับมารดา แม้พี่น้องก็วิวาทกัน

เพราะเหตุแห่งกามทั้งหลายนั้น ฝูงชนต่างถือดาบและโล่ห์ สอดแล่งธนู วิ่งเข้าสู่สงคราม พากันถึงตายไปตรงนั้นบ้าง ถึงทุกข์ปางตายบ้าง

เพราะเหตุแห่งกามทั้งหลายนั้น ฝูงชนขโมยบ้าง ปล้นบ้าง สมสู่ภรรยาคนอื่นบ้าง พระราชาจับคนนั้น ๆ ได้แล้ว เฆี่ยนบ้าง ตีบ้าง ตัดมือบ้าง ตัดเท้าบ้าง ตัดทั้งมือทั้งเท้าบ้าง ตัดหูบ้าง ตัดจมูกบ้าง ตัดทั้งหูทั้งจมูกบ้าง รดด้วยน้ำมันที่ร้อนบ้าง ให้สุนัขกัดกินบ้าง เสียบที่หลาวทั้งเป็นบ้าง ใช้ดาบตัดศีรษะเสียบ้าง คนเหล่านั้นถึงตายไปตรงนั้นบ้าง ถึงทุกข์ปางตายบ้าง

เพราะเหตุแห่งกามทั้งหลายนั้น ฝูงชนต่างประพฤติกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาตนรก ในสัมปรายภพ

นี้เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นตัวบังคับ เกิดเพราะเหตุแห่งกามทั้งหลายทั้งนั้น

ก็อะไรเล่า เป็นการถ่ายถอนของกามทั้งหลาย

การกำจัดฉันทราคะในกามทั้งหลาย การละฉันทราคะในกามทั้งหลายใด นี้เป็นการถ่ายถอนของกามทั้งหลาย

ก็อะไรเล่า เป็นคุณของรูปทั้งหลาย

ความสุขความโสมนัสใด ที่บังเกิดขึ้นเพราะอาศัยความงามเปล่งปลั่ง นี้เป็นคุณของรูปทั้งหลาย

ก็อะไรเล่า เป็นโทษของรูปทั้งหลาย

ความแก่ มีซี่โครงคดดังกลอนเรือนร่างขดงอ ถือไม้เท้ากระงกกระเงิ่น ฟันหลุด ผมหงอก ศีรษะล้าน เนื้อเหี่ยว มีตัวตกกระ ความงดงาม ความเปล่งปลั่ง ที่มีในครั้งก่อนนั้นหายไปแล้ว แม้ข้อนี้ ก็เป็นโทษของรูปทั้งหลาย

ความมีอาพาธ มีทุกข์ เจ็บหนัก นอนจมมูตรคูถของตน ต้องให้คนอื่นพยุงลุก ต้องให้คนอื่นคอยประคอง แม้ข้อนี้ ก็เป็นโทษของรูปทั้งหลาย

เป็นซากศพถูกทิ้งไว้ในป่าช้า ตายได้ ๑ วันก็ดี ตายได้ ๒ วันก็ดี ตายได้ ๓ วันก็ดี

เป็นซากศพขึ้นพองก็ดี มีสีเขียวก็ดี เกิดหนอนชอนไชก็ดี

เป็นซากศพถูกฝูงสัตว์รุมจิกกิน

เป็นซากศพถูกช มีแต่โครงกระดูก มีเนื้อและเลือดติดอยู่ มีเอ็นยึดอยู่

มีแต่โครงกระดูก ปราศจากเนื้อ เปื้อนเลือด มีเอ็นยึดอยู่ ฯลฯ

มีแต่โครงกระดูกปราศจากเนื้อและเลือด มีเอ็นยึดอยู่ ฯลฯ

เป็นแต่กระดูก ปราศจากเอ็นยึด กระจัดกระจายไป
เหลือแต่กระดูกสีขาว เปรียบเทียบได้กับสีสังข์ ฯลฯ
เหลือแต่กระดูกตกค้างแรมปี เรียงเป็นหย่อมๆ ฯลฯ
เหลือแต่กระดูกผุ แหลกยุ่ย

แม้ข้อนี้ ก็เป็นโทษของรูปทั้งหลาย

ก็อะไรเล่า เป็นการถ่ายถอนของรูปทั้งหลาย

การกำจัด การละ ฉันทราคะในรูปทั้งหลาย เป็นการถ่ายถอนของรูปทั้งหลาย

ก็อะไรเล่า เป็นคุณของเวทนาทั้งหลาย

การได้เสวยเวทนาที่ไม่มีความเบียดเบียนในปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน เป็นคุณของเวทนาทั้งหลาย

ข้อที่เวทนาไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา เป็นโทษของเวทนาทั้งหลาย

การกำจัด การละ ฉันทราคะในเวทนาทั้งหลาย เป็นการถ่ายถอนของเวทนาทั้งหลาย

 

 

พระสูตร
มหาทุกขักขันธสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๒ ข้อที่ ๑๙๔-๒๐๘