ความรัก ความชัง | เปมสูตร
ความรัก ความชัง
เปมสูตร
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง
เล่มที่ ๒๑ ข้อ ๒๐๐
ข้อแนะนำในการปฏิบัติ
ก่อนจะฟัง
พึงเข้าสมาธิสักครู่หนึ่ง
เมื่อได้สมาธิดีแล้ว
ฟังพุทโธวาท และน้อมธรรมมาสู่ใจ
น้อมใจปฏิบัติตามพุทโธวาทตรง ๆ
ให้เข้าใจแจ้ง และได้สภาวะจิตดีจริง
เมื่อได้สภาวะดีใด ให้รักษาสภาวะนั้นออกมาสู่ชีวิตจริง
เวลาปฏิบัติ: 35 นาที
00:00 Intro
00:46 ความรักเกิดเพราะความรัก
01:45 โทสะเกิดเพราะความรัก
02:46 ความรักเกิดเพราะโทสะ
03:49 โทสะเกิดเพราะโทสะ
05:00 สมัยที่ไม่มีความรัก โทสะ
08:45 สมัยที่ความรัก โทสะ ไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป
10:00 ภิกษุชื่อว่าไม่ยึดถือ
13:16 ภิกษุชื่อว่าไม่โต้ตอบ
14:14 ภิกษุชื่อว่าไม่บังหวนควัน
16:54 ภิกษุชื่อว่าไม่ลุกโพลง
21:13 ภิกษุชื่อว่าไม่ถูกไฟไหม้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมชาติ ๔ ประการนี้ย่อมเกิด คือ
ความรักย่อมเกิดเพราะความรัก ๑
โทสะย่อมเกิดเพราะความรัก ๑
ความรักย่อมเกิดเพราะโทสะ ๑
โทสะย่อมเกิดเพราะโทสะ ๑
ความรักเกิดเพราะความรักอย่างไร
บุคคลในโลกนี้เป็นที่น่าปรารถนา น่าใคร่น่าพอใจของบุคคล คนอื่นมาประพฤติต่อบุคคลที่รักนั้นด้วยอาการที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เขาย่อมมีความคิดอย่างนี้ว่า คนอื่นมาประพฤติต่อบุคคลที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจของเรา ด้วยอาการอันน่าปรารถนา น่าใคร่น่าพอใจ เขาย่อมเกิดความรักในคนเหล่านั้น
โทสะเกิดเพราะความรักอย่างไร
...คนอื่นมาประพฤติต่อบุคคลที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจของเรา ด้วยอาการอันไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ เขาย่อมเกิดโทสะในคนเหล่านั้น
ความรักเกิดเพราะโทสะอย่างไร
...คนอื่นมาประพฤติต่อบุคคลที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจของเรา ด้วยอาการอันไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ เขาย่อมเกิดความรักในคนเหล่านั้น
โทสะเกิดเพราะโทสะอย่างไร
...คนอื่นมาประพฤติต่อบุคคลที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจของเรา ด้วยอาการอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เขาย่อมเกิดโทสะในคนเหล่านั้น
สมัยใด ภิกษุเข้าปฐมฌาน เข้าทุติยฌาน ฯลฯ ตติยฌาน ฯลฯ จตุตถฌาน
สมัยนั้น แม้ความรักที่เกิดเพราะความรัก แม้โทสะที่เกิดเพราะความรัก แม้ความรักที่เกิดเพราะโทสะ แม้โทสะที่เกิดเพราะโทสะ ย่อมไม่มีแก่ภิกษุนั้น
สมัยใด ภิกษุกระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ ส
มัยนั้น แม้ความรักที่เกิดเพราะความรัก แม้โทสะที่เกิดเพราะความรัก แม้ความรักที่เกิดเพราะโทสะ แม้โทสะที่เกิดเพราะโทสะ เป็นธรรมชาติอันภิกษุนั้นละได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว ทำให้เป็นเหมือนตาลยอดด้วนทำให้ไม่ให้มี ไม่เกิดขึ้นต่อไปเป็นธรรมดา
ภิกษุนี้เราเรียกว่า ไม่ยึดถือ ไม่โต้ตอบ ไม่บังหวนควัน ไม่ลุกโพลง ไม่ถูกไฟไหม้
ภิกษุชื่อว่าไม่ยึดถืออย่างไร
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ย่อมไม่เห็นรูปโดยความเป็นตน ไม่เห็นตนว่ามีรูป ไม่เห็นรูปในตน หรือไม่เห็นตนในรูป
ไม่เห็นเวทนา...
ไม่เห็นสัญญา...
ไม่เห็นสังขาร...
ไม่เห็นวิญญาณโดยความเป็นตน ไม่เห็นตนว่ามีวิญญาณ ไม่เห็นวิญญาณในตน หรือไม่เห็นตนในวิญญาณ ภิกษุชื่อว่าไม่ยึดถืออย่างนี้
ภิกษุชื่อว่าย่อมไม่โต้ตอบอย่างไร
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ย่อมไม่ด่าตอบผู้ด่าตน ย่อมไม่โกรธตอบผู้โกรธตน ย่อมไม่โต้เถียงตอบผู้โต้เถียงตน ภิกษุชื่อว่าไม่โต้ตอบอย่างนี้
ก็ภิกษุย่อมไม่บังหวนควันอย่างไร
เมื่อไม่มีความถือว่า เรามีอยู่ ก็ย่อมไม่มีความถือว่า
เราเป็นอย่างนี้
เราเป็นอย่างนั้น
เราเป็นอย่างอื่น
เราเป็นอยู่
เราไม่เป็นอยู่
เราพึงเป็น
เราพึงเป็นอย่างนี้
เราพึงเป็นอย่างนั้น
เราพึงเป็นอย่างอื่น
แม้ไฉนเราพึงเป็น
แม้ไฉนเราพึงเป็นอย่างนี้
แม้ไฉนเราพึงเป็นอย่างนั้น
แม้ไฉนเราพึงเป็นอย่างอื่น
เราจักเป็น
เราจักเป็นอย่างนี้
เราจักเป็นอย่างนั้น
เราจักเป็นอย่างอื่น
ภิกษุชื่อว่าย่อมไม่บังหวนควันอย่างนี้แล
ก็ภิกษุไม่ลุกโพลงอย่างไร
เมื่อไม่มีความถือว่า เรามี ด้วยขันธบัญจกนี้ ก็ย่อมไม่มีความถือว่า
เราเป็นอย่างนี้
เราเป็นอย่างนั้น
เราเป็นอย่างอื่น
ด้วยขันธบัญจกนี้
เราเป็นอยู่
เราไม่เป็นอยู่
ด้วยขันธบัญจกนี้
เราพึงเป็น
เราพึงเป็นอย่างนี้
เราพึงเป็นอย่างนั้น
เราพึงเป็นอย่างอื่น
ด้วยขันธบัญจกนี้
แม้ไฉนเราพึงเป็น
แม้ไฉนเราพึงเป็นอย่างนี้
แม้ไฉนเราพึงเป็นอย่างนั้น
แม้ไฉนเราพึงเป็นอย่างอื่น
ด้วยขันธบัญจกนี้
เราจักเป็น
เราจักเป็นอย่างนี้
เราจักเป็นอย่างนั้น
เราจักเป็นอย่างอื่น
ด้วยขันธบัญจกนี้
ภิกษุย่อมไม่ลุกโพลงอย่างนี้แล
ภิกษุชื่อว่าไม่ถูกไฟไหม้อย่างไร
ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นผู้ละอัสมิมานะได้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว ทำให้เป็นเหมือนตาลยอดด้วน ทำไม่ให้มี ไม่ให้เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดาภิกษุไม่ถูกไฟไหม้อย่างนี้แล