Main navigation

วิธีภาวนา - (ดูทั้งหมด)

ความเจริญในกุศลธรรม | ฐิติสูตร

ความเจริญในกุศลธรรม
ฐิติสูตร
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง
เล่ม ๒๔ ข้อ ๕๓

ข้อแนะนำในการปฏิบัติ
ก่อนจะฟัง
พึงเข้าสมาธิสักครู่หนึ่ง
เมื่อได้สมาธิดีแล้ว
ฟังพุทโธวาท และน้อมธรรมมาสู่ใจ
น้อมใจปฏิบัติตามพุทโธวาทตรง ๆ
ให้เข้าใจแจ้ง และได้สภาวะจิตดีจริง
เมื่อได้สภาวะดีใด ให้รักษาสภาวะนั้นออกมาสู่ชีวิตจริง

ความยาววีดิทัศน์ 12:11 นาที
เวลาปฏิบัติ 18 นาที

-------

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราไม่สรรเสริญแม้ซึ่งความตั้งอยู่ในกุศลธรรมทั้งหลาย ไฉนจะสรรเสริญความเสื่อมรอบในกุศลธรรมทั้งหลายเล่า แต่เราสรรเสริญความเจริญในกุศลธรรมทั้งหลาย มิใช่ความตั้งอยู่ มิใช่ความเสื่อมในกุศลธรรมทั้งหลาย

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเสื่อมในกุศลธรรมทั้งหลาย มิใช่ความตั้งอยู่ มิใช่ความเจริญอย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา ปฏิภาณเท่าไร ธรรมเหล่านั้นของภิกษุนั้นย่อมไม่ตั้งอยู่ ย่อมไม่เจริญขึ้น เรากล่าวข้อนี้ว่า เป็นความเสื่อมในกุศลธรรมทั้งหลาย มิใช่ความตั้งอยู่ มิใช่ความเจริญ

ความเสื่อมในกุศลธรรมทั้งหลายมีอยู่ อย่างนี้แล

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความตั้งอยู่ในกุศลธรรมทั้งหลาย มิใช่ความเสื่อม มิใช่ความเจริญอย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา ปฏิภาณเท่าไร ธรรมเหล่านั้นของภิกษุนั้นย่อมไม่เสื่อม ย่อมไม่เจริญขึ้น เรากล่าวข้อนี้ว่า เป็นความตั้งอยู่ในกุศลธรรมทั้งหลาย มิใช่ความเสื่อม มิใช่ความเจริญ

ความตั้งอยู่ในกุศลธรรมทั้งหลาย อย่างนี้แล

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเจริญในกุศลธรรมทั้งหลาย มิใช่ความตั้งอยู่ มิใช่ความเสื่อมอย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา ปฏิภาณเท่าไร ธรรมเหล่านั้นของภิกษุย่อมไม่ตั้งอยู่ ย่อมไม่เสื่อม เรากล่าวข้อนี้ว่า เป็นความเจริญในกุศลธรรมทั้งหลาย มิใช่ความตั้งอยู่ มิใช่ความเสื่อม

ความเจริญในกุศลธรรมทั้งหลาย อย่างนี้แล

ดูกรภิกษุทั้งหลาย หากว่าภิกษุไม่เป็นผู้ฉลาดในวาระจิตของผู้อื่นไซร้ เมื่อเป็นอย่างนั้น ภิกษุนั้นพึงศึกษาว่า เราจักเป็นผู้ฉลาดในวาระจิตของตน เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล

ก็ภิกษุเป็นผู้ฉลาดในวาระจิตของตนอย่างไร

เปรียบเหมือนสตรีหรือบุรุษที่เป็นหนุ่มสาว มีปรกติชอบแต่งตัว ส่องดูเงาหน้าของตนในคันฉ่องอันบริสุทธิ์หมดจด หรือในภาชนะน้ำอันใส ถ้าเห็นธุลีหรือจุดดำที่หน้านั้น ก็พยายามเพื่อขจัดธุลีหรือจุดดำนั้นเสีย ถ้าไม่เห็นธุลีหรือ จุดดำที่หน้านั้น ก็ย่อมดีใจ มีความดำริอันบริบูรณ์ด้วยเหตุนั้นว่า เป็นลาภของเราหนอ หน้าของเราบริสุทธิ์แล้วหนอ แม้ฉันใด

การพิจารณาของภิกษุว่า

เราเป็นผู้มีอภิชฌาอยู่โดยมาก หรือว่าเราเป็นผู้ไม่มีอภิชฌาอยู่โดยมาก

เราเป็นผู้มีจิตพยาบาทอยู่โดยมาก หรือว่าเราเป็นผู้มีจิตไม่พยาบาทอยู่โดยมาก

เราเป็นผู้อันถีนมิทธะกลุ้มรุมอยู่โดยมาก หรือว่าเราเป็นผู้ปราศจากถีนมิทธะอยู่โดยมาก

เราเป็นผู้ฟุ้งซ่านอยู่โดยมาก หรือว่าเราเป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่านอยู่โดยมาก

เราเป็นผู้มีความสงสัยอยู่โดยมาก หรือว่าเราเป็นผู้ข้ามพ้นความสงสัยอยู่โดยมาก

เราเป็นผู้มีความโกรธอยู่โดยมาก หรือว่าเราเป็นผู้ไม่มีความโกรธอยู่โดยมาก

เราเป็นผู้มีจิตเศร้าหมองอยู่โดยมาก หรือว่าเราเป็นผู้มีจิตไม่เศร้าหมองอยู่โดยมาก

เราเป็นผู้มีกายปรารภแรงกล้าอยู่โดยมาก หรือว่าเราเป็นผู้มีกายอันมิได้ปรารภแรงกล้าอยู่โดยมาก

เราเป็นผู้เกียจคร้านอยู่โดยมาก หรือว่าเราเป็นผู้ปรารภความเพียรอยู่โดยมาก

เราเป็นผู้มีจิตไม่ตั้งมั่นอยู่โดยมาก หรือว่าเราเป็นผู้มีจิตตั้งมั่นอยู่โดยมาก

ดังนี้ ย่อมเป็นอุปการะมากในกุศลธรรมทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน

ถ้าว่าภิกษุเมื่อพิจารณาอยู่ ย่อมรู้อย่างนี้ว่า

เราเป็นผู้มีอภิชฌาอยู่โดยมาก
มีจิตพยาบาทอยู่โดยมาก
ถีนมิทธะกลุ้มรุมอยู่โดยมาก
ฟุ้งซ่านอยู่โดยมาก
มีความสงสัยอยู่โดยมาก
มีความโกรธอยู่โดยมาก
มีจิตเศร้าหมองอยู่โดยมาก
มีกายอันปรารภแรงกล้าอยู่โดยมาก
เกียจคร้านอยู่โดยมาก
มีจิตไม่ตั้งมั่นอยู่โดยมาก

ดังนี้ไซร้ ภิกษุนั้นควรทำความพอใจ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความขะมักเขม้น ความไม่ท้อถอย สติและสัมปชัญญะให้มีประมาณยิ่ง เพื่อละธรรมทั้งหลายที่เป็นบาปอกุศลเหล่านั้น

เปรียบเหมือนบุคคลมีผ้าอันไฟไหม้ หรือมีศีรษะอันไฟไหม้ พึงทำความพอใจ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความขะมักเขม้น ความไม่ท้อถอย สติและสัมปชัญญะ ให้มีประมาณยิ่ง เพื่อดับไฟไหม้ผ้าหรือไฟไหม้ศีรษะนั้น ฉันนั้น

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ถ้าภิกษุเมื่อพิจารณาอยู่ย่อมรู้อย่างนี้ว่า

เราเป็นผู้ไม่มีอภิชฌาอยู่โดยมาก
เป็นผู้มีจิตไม่พยาบาทอยู่โดยมาก
เป็นผู้ปราศจากถีนมิทธะ
เป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่าน
เป็นผู้ข้ามพ้นความสงสัย
เป็นผู้ไม่มีความโกรธ
เป็นผู้มีจิตไม่เศร้าหมอง
เป็นผู้มีกายมิได้ปรารภแรงกล้า
เป็นผู้ปรารภความเพียร
เป็นผู้มีจิตตั้งมั่นอยู่โดยมาก

ดังนี้ไซร้ ภิกษุนั้นควรตั้งอยู่ในกุศลธรรมเหล่านั้นแล้ว พึงทำความเพียรเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายให้ยิ่งขึ้นไป

 

 

 

พระสูตร
ฐิติสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๔ ข้อที่ ๕๓