Main navigation

วิธีภาวนา - (ดูทั้งหมด)

องค์ ๑๑ ประการ เพื่อความเจริญของภิกษุ | มหาโคปาลสูตร (อุปมาภิกษุกับคนเลี้ยงโค)

องค์ ๑๑ ประการ
เพื่อความเจริญของภิกษุ
มหาโคปาลสูตร
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง
เล่มที่ ๑๒ ข้อที่ ๓๘๓-๓๘๗

ข้อแนะนำในการปฏิบัติ
ก่อนจะฟัง
พึงเข้าสมาธิสักครู่หนึ่ง
เมื่อได้สมาธิดีแล้ว
ฟังพุทโธวาท และน้อมธรรมมาสู่ใจ
น้อมใจปฏิบัติตามพุทโธวาทตรง ๆ
ให้เข้าใจแจ้ง และได้สภาวะจิตดีจริง
เมื่อได้สภาวะดีใด ให้รักษาสภาวะนั้นออกมาสู่ชีวิตจริง

ความยาววีดิทัศน์ 28:34 นาที
เวลาปฏิบัติ 40 นาที

https://youtu.be/nRx9MTSonVQ

-----

ณ พระวิหารเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี

พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า 

อุปมาคนเลี้ยงโคผู้ไม่ควรครอบครองฝูงโค

ดูกรภิกษุทั้งหลาย นายโคบาลประกอบด้วยองค์ ๑๑ ประการ ไม่ควรจะครอบครองฝูงโค ไม่ควรทำฝูงโคให้เจริญได้ องค์ ๑๑ ประการ คือ 

นายโคบาลไม่รู้จักรูป 
ไม่ฉลาดในลักษณะ 
ไม่คอยเขี่ยไข่ขัง 
ไม่ปิดบังแผล 
ไม่สุมควันให้ 
ไม่รู้จักท่า 
ไม่รู้จักให้โคดื่ม 
ไม่รู้จักทาง 
ไม่ฉลาดในสถานที่โคเที่ยวหากิน 
รีดน้ำนมมิได้เหลือไว้ 
ไม่บูชาโคที่เป็นพ่อฝูง เป็นผู้นำฝูง ด้วยการบูชาเป็นอดิเรก 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย นายโคบาลประกอบด้วยองค์ ๑๑ ประการนี้ ไม่ควรจะครอบครองฝูงโค ไม่ควรทำฝูงโคให้เจริญได้ ฉันใด

องค์ ๑๑ ประการ เพื่อความไม่เจริญของภิกษุ

ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อประกอบด้วยองค์ ๑๑ ประการ ก็ไม่ควรเพื่อจะถึงความเจริญ งอกงาม ไพบูลย์ ในธรรมวินัยนี้ องค์ ๑๑ ประการ 

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไม่รู้จักรูป 
ไม่ฉลาดในลักษณะ 
ไม่คอยเขี่ยไข่ขัง
ไม่ปิดบังแผล 
ไม่สุมควัน 
ไม่รู้จักท่า 
ไม่รู้จักดื่ม
ไม่รู้จักทาง 
ไม่ฉลาดในสถานที่โคจร 
รีดเสียหมดมิได้เหลือไว้
ไม่บูชาภิกษุทั้งหลายที่เป็นเถระ เป็นรัตตัญญู มีพรรษามาก เป็นบิดาสงฆ์ เป็นผู้นำสงฆ์ ด้วยการบูชาเป็นอดิเรก

ภิกษุไม่รู้จักรูป เป็นอย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไม่รู้ชัดตามเป็นจริงว่า รูปสิ่งใดสิ่งหนึ่ง รูปทั้งปวงมหาภูตรูปทั้ง ๔ และอุปาทายรูป (รูปที่อาศัย) แห่งมหาภูตรูปทั้ง ๔

ก็ภิกษุไม่ฉลาดในลักษณะเป็นอย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไม่รู้ชัดตามเป็นจริงว่า คนพาลมีกรรมเป็นเครื่องหมาย บัณฑิตมีกรรมเป็นเครื่องหมาย

ก็ภิกษุไม่คอยเขี่ยไข่ขังเป็นอย่างไร

ภิกษุในธรรมมีวินัยนี้ ให้กามวิตก พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตก อกุศลธรรม ที่เกิดขึ้นแล้ว ทับถมอยู่ มิได้ละเสีย มิได้บรรเทาเสีย มิได้ทำให้หมดไป ไม่ให้ถึงความดับสูญ

ก็ภิกษุไม่ปิดบังแผล เป็นอย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เห็นรูปด้วยจักษุแล้ว ถือโดยนิมิต ถือโดยอนุพยัญชนะ 

เหล่าอกุศลธรรมอันลามก คือ อภิชฌาและโทมนัส ย่อมครอบงำบุคคลที่ไม่สำรวมจักขุนทรีย์ มีจักขุนทรีย์ที่มิได้สำรวมเป็นเหตุ เธอไม่ปฏิบัติเพื่อสำรวมจักขุนทรีย์นั้น ไม่รักษาจักขุนทรีย์นั้น ไม่ถึงความสำรวมในจักขุนทรีย์นั้น

ได้ยินเสียงด้วยโสต... 
ดมกลิ่นด้วยฆานะ... 
ลิ้มรสด้วยชิวหา... 
ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกาย... 

รู้ธรรมารมณ์ด้วยใจแล้ว ถือโดยนิมิต ถือโดยอนุพยัญชนะ 

เหล่าอกุศลธรรมอันลามก คือ อภิชฌาและโทมนัส ย่อมครอบงำบุคคลที่ไม่สำรวมมนินทรีย์ มีมนินทรีย์ที่มิได้สำรวมเป็นเหตุ เธอไม่ปฏิบัติเพื่อสำรวมมนินทรีย์นั้น ไม่รักษามนินทรีย์นั้น ไม่ถึงความสำรวมในมนินทรีย์นั้น

ก็ภิกษุไม่สุมควัน เป็นอย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไม่แสดงธรรมตามที่ตน ได้ฟังตามที่ตนได้ศึกษามา แก่ผู้อื่นโดยพิสดาร 

ก็ภิกษุไม่รู้จักท่า เป็นอย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไม่เข้าไปหาแล้วไต่ถาม สอบถาม กะภิกษุทั้งหลายที่เป็นเถระ เป็นพหูสูต เป็นผู้รู้หลัก ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา ตามกาลอันควรว่า ภาษิตนี้เป็นอย่างไร เนื้อความแห่งภาษิตนี้เป็นอย่างไร ภิกษุทั้งหลายผู้มีอายุนั้น จึงไม่เปิดเผยข้อความที่ยังลี้ลับ ไม่ทำข้อความที่ลึกให้ตื้น ไม่บรรเทาความสงสัยในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความสงสัย อันมีอย่างเป็นอเนกแก่ภิกษุนั้น

ก็ภิกษุไม่รู้จักดื่ม เป็นอย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เมื่อธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว อันใครๆ แสดงอยู่ ไม่ได้ความรู้ธรรม ไม่ได้ความรู้อรรถ ไม่ได้ความปราโมทย์อันประกอบด้วยธรรม 

ก็ภิกษุไม่รู้จักทา งเป็นอย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไม่รู้ชัดอริยมรรคมีองค์ ๘ ตามเป็นจริง 

ก็ภิกษุไม่ฉลาดในสถานที่โคจร เป็นอย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไม่รู้ชัดในสติปัฏฐานทั้ง ๔ ตามเป็นจริง

ก็ภิกษุรีดเสียหมดมิได้เหลือไว้ เป็นอย่างไร

พวกคฤหบดีผู้มีศรัทธา ปวารณาภิกษุในธรรมวินัยนี้ ด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร เพื่อให้รับตามปรารถนา ในการที่เขาปวารณานั้น ภิกษุไม่รู้จักประมาณเพื่อจะรับ

ก็ภิกษุไม่บูชาภิกษุทั้งหลายที่เป็นเถระ เป็นรัตตัญญู มีพรรษามาก เป็นบิดาสงฆ์ เป็นผู้นำสงฆ์ ด้วยการบูชาเป็นอดิเรก เป็นอย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไม่เข้าไปตั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม อันประกอบด้วยเมตตา ในภิกษุทั้งหลาย ที่เป็นเถระ เป็นรัตตัญญู มีพรรษามาก เป็นบิดาสงฆ์เป็นผู้นำสงฆ์ ทั้งในที่แจ้งทั้งในที่ลับ

ภิกษุที่ประกอบด้วยองค์ ๑๑ ประการนี้แล ไม่ควรเพื่อจะถึงความเจริญ งอกงาม ไพบูลย์ ในธรรมวินัยนี้


อุปมาคนเลี้ยงโคผู้ควรครอบครองฝูงโค

ดูกรภิกษุทั้งหลาย นายโคบาลประกอบด้วยองค์ ๑๑ ประการ เป็นผู้ควรจะครอบครองฝูงโค ควรทำฝูงโคให้เจริญได้ องค์ ๑๑ ประการ คือ 

นายโคบาลในโลกนี้ รู้จักรูป 
ฉลาดในลักษณะ 
เป็นผู้คอยเขี่ยไข่ขัง 
ปิดบังแผล 
สุมควันให้ 
รู้จักท่า 
รู้จักให้โคดื่ม 
รู้จักทาง 
ฉลาดในสถานที่โคเที่ยวหากิน 
รีดน้ำนมให้เหลือไว้ 
บูชาโคที่เป็นพ่อฝูง เป็นผู้นำฝูง ด้วยการบูชาเป็นอดิเรก 

นายโคบาลประกอบ ด้วยองค์ ๑๑ ประการนี้ เป็นผู้ควรจะครอบครองฝูงโค ควรทำฝูงโคให้เจริญได้ ฉันใด

องค์ ๑๑ ประการ เพื่อความไม่เจริญของภิกษุ

ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่อประกอบด้วยองค์ ๑๑ ประการ ก็ควรเพื่อจะถึงความเจริญ งอกงาม ไพบูลย์ ในธรรมวินัยนี้ 

องค์ ๑๑ ประการเป็นไฉน

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้รู้จักรูป 
ฉลาดในลักษณะ 
คอยเขี่ยไข่ขัง 
ปิดบังแผล
สุมควัน 
รู้จักท่า 
รู้จักดื่ม 
รู้จักทาง 
ฉลาดในสถานที่โคจร 
รีดให้เหลือไว้ 
บูชาภิกษุทั้งหลายที่เป็นเถระ เป็นรัตตัญญู มีพรรษามาก เป็นบิดาสงฆ์ เป็นผู้นำสงฆ์ ด้วยการบูชาเป็นอดิเรก

ก็ภิกษุเป็นผู้รู้จักรูป เป็นอย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่า รูปสิ่งใดสิ่งหนึ่ง รูปทั้งปวง มหาภูตรูปทั้ง ๔ และอุปาทายรูปแห่งมหาภูตรูปทั้ง 

ภิกษุเป็นผู้ฉลาดในลักษณะ เป็นอย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงว่า คนพาลมีกรรมเป็นเครื่องหมาย บัณฑิตมีกรรมเป็นเครื่องหมาย

ก็ภิกษุเป็นผู้คอยเขี่ยไข่ขัง เป็นอย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไม่ให้กามวิตก พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตก อกุศลธรรม ที่เกิดขึ้นแล้ว ทับถมอยู่ ย่อมละเสีย บรรเทาเสีย ทำให้หมดไปให้ถึงความดับสูญ 

ก็ภิกษุเป็นผู้ปิดบังแผล เป็นอย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เห็นรูปด้วยจักษุแล้ว ไม่ถือโดยนิมิต ไม่ถือโดยอนุพยัญชนะ 

เหล่าอกุศลธรรมอันลามก คือ อภิชฌาและโทมนัส ย่อมครอบงำบุคคลที่ไม่สำรวมจักขุนทรีย์ มีจักขุนทรีย์ที่มิได้สำรวมเป็นเหตุ เธอปฏิบัติเพื่อสำรวมจักขุนทรีย์นั้น รักษาจักขุนทรีย์นั้น ถึงความสำรวมในจักขุนทรีย์นั้น

ได้ยินเสียงด้วยโสต... 
ดมกลิ่นด้วยฆานะ... 
ลิ้มรสด้วยชิวหา... 
ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกาย... 

รู้ธรรมารมณ์ด้วยใจแล้ว ไม่ถือโดยนิมิต ไม่ถือโดยอนุพยัญชนะ 

เหล่าอกุศลธรรมอันลามก คือ อภิชฌาและโทมนัส ย่อมครอบงำบุคคลที่ไม่สำรวมมนินทรีย์ มีมนินทรีย์ที่มิได้สำรวมเป็นเหตุ เธอปฏิบัติเพื่อสำรวมมนินทรีย์นั้น รักษามนินทรีย์นั้น ถึงความสำรวมในมนินทรีย์นั้น

ก็ภิกษุเป็นผู้สุมควัน เป็นอย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมแสดงธรรมตามที่ตน ได้ฟังตามที่ตนได้ศึกษามา แก่ผู้อื่นโดยพิสดาร 

ก็ภิกษุรู้จักท่า เป็นอย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เข้าไปหาแล้วไต่ถาม สอบถาม กะภิกษุทั้งหลายที่เป็นเถระ เป็นพหูสูต เป็นผู้รู้หลัก ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา ตามกาลอันควรว่า ภาษิตนี้เป็นอย่างไร เนื้อความแห่งภาษิตนี้เป็นอย่างไร ภิกษุทั้งหลายผู้มีอายุนั้น จึงเปิดเผยข้อความที่ยังลี้ลับ ทำข้อความที่ลึกให้ตื้น บรรเทาความสงสัยในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความสงสัย อันมีอย่างเป็นอเนกแก่ภิกษุนั้น

ก็ภิกษุรู้จักดื่ม เป็นอย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เมื่อธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว อันใครๆ แสดงอยู่ ได้ความรู้ธรรม ได้ความรู้อรรถ ได้ความปราโมทย์อันประกอบด้วยธรรม 

ก็ภิกษุรู้จักทาง เป็นอย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ รู้ชัดอริยมรรคมีองค์ ๘ ตามเป็นจริง 

ก็ภิกษุฉลาดในสถานที่โคจร เป็นอย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ รู้ชัดในสติปัฏฐานทั้ง ๔ ตามเป็นจริง

ก็ภิกษุเป็นผู้รีดให้เหลือไว้ เป็นอย่างไร

พวกคฤหบดีผู้มีศรัทธา ปวารณาภิกษุในธรรมวินัยนี้ ด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร เพื่อให้รับตามปรารถนา ในการที่เขาปวารณานั้น ภิกษุรู้จักประมาณเพื่อจะรับ

ก็ภิกษุบูชาภิกษุทั้งหลายที่เป็นเถระ เป็นรัตตัญญู มีพรรษามาก เป็นบิดาสงฆ์ เป็นผู้นำสงฆ์ ด้วยการบูชาเป็นอดิเรก เป็นอย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เข้าไปตั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมอันประกอบด้วยเมตตาในภิกษุทั้งหลาย ที่เป็นเถระ เป็นรัตตัญญู มีพรรษามาก เป็นบิดาสงฆ์ เป็นผู้นำสงฆ์ ทั้งในที่แจ้ง ทั้งในที่ลับ 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๑๑ ประการนี้แล ควรเพื่อจะถึงความเจริญงอกงาม ไพบูลย์ ในธรรมวินัยนี้

 

 

 

พระสูตร
มหาโคปาลสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๒ ข้อที่ ๓๘๓-๓๘๗