
พระผู้มีพระภาคตรัสกับสูจิโลมยักษ์
ราคะแลโทสะ มีอัตภาพนี้เป็นเหตุ
ความไม่ยินดี ความยินดี และความสยดสยอง เกิดแต่อัตภาพนี้
ความตรึกในใจ เกิดแต่อัตภาพนี้แล้ว
ดักจิตไว้ได้เหมือนพวกเด็กดักกา ฉะนั้น
อกุศลวิตกเป็นอันมาก เกิดแต่ความเยื่อใย คือ ตัณหา
เกิดขึ้นในตนแล้วแผ่ซ่านไปในวัตถุกามทั้งหลาย
เหมือนย่านไทรเกิดแต่ลำต้นไทร แล้วแผ่ซ่านไปในป่า ฉะนั้น
ชนเหล่าใดย่อมรู้อัตภาพนั้นว่าเกิดแต่สิ่งใด
ชนเหล่านั้นย่อมบรรเทาเหตุเกิดนั้นเสียได้
ชนเหล่านั้นย่อมข้ามห้วงกิเลสนี้ ซึ่งข้ามได้ยาก และไม่เคยข้าม
เพื่อความไม่มีภพอีกต่อไป
ความไม่ยินดี ความยินดี และความสยดสยอง เกิดแต่อัตภาพนี้
ความตรึกในใจ เกิดแต่อัตภาพนี้แล้ว
ดักจิตไว้ได้เหมือนพวกเด็กดักกา ฉะนั้น
อกุศลวิตกเป็นอันมาก เกิดแต่ความเยื่อใย คือ ตัณหา
เกิดขึ้นในตนแล้วแผ่ซ่านไปในวัตถุกามทั้งหลาย
เหมือนย่านไทรเกิดแต่ลำต้นไทร แล้วแผ่ซ่านไปในป่า ฉะนั้น
ชนเหล่าใดย่อมรู้อัตภาพนั้นว่าเกิดแต่สิ่งใด
ชนเหล่านั้นย่อมบรรเทาเหตุเกิดนั้นเสียได้
ชนเหล่านั้นย่อมข้ามห้วงกิเลสนี้ ซึ่งข้ามได้ยาก และไม่เคยข้าม
เพื่อความไม่มีภพอีกต่อไป
พระสูตร:
สูจิโลมสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง ๑๕/๘๑๐/๒๕๐