Main navigation

พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรม

ทางสายกลาง
ที่สุด 2 อย่าง ที่บรรพชิตไม่ควรเสพ คือ 
การประกอบตนให้พัวพันด้วยกามสุขในกามทั้งหลายหนึ่ง 
และการประกอบความเหน็ดเหนื่อยแก่ตนหนึ่ง
ปฏิปทาสายกลาง ไม่เข้าไปใกล้ที่สุดสองอย่างนั้น 
ย่อมเป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง  เพื่อความตรัสรู้  
เพื่อนิพพาน ได้แก่อริยมรรคมีองค์ ๘  คือ 
ปัญญาอันเห็นชอบ ความดำริชอบ เจรจาชอบ 
การงานชอบ เลี้ยงชีวิตชอบ พยายามชอบ 
ระลึกชอบ และตั้งจิตชอบ

อริยสัจจสี่
ทุกขอริยสัจ คือ ความเกิด ความแก่ ความเจ็บไข้ ความตาย 
ความประจวบด้วยสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก 
ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รัก 
ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์ 
โดยย่อ คือ อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์
ทุกขสมุทัยอริยสัจ คือ ตัณหาอันทำให้เกิดอีก 
ประกอบด้วยความกำหนัดด้วยอำนาจความเพลิน  
มีปกติเพลิดเพลินในอารมณ์นั้นๆ  คือ 
กามตัณหา  ภวตัณหา  วิภวตัณหา
ทุกขนิโรธอริยสัจ คือ ตัณหานั่นแลดับ โดยไม่เหลือด้วยมรรค 
คือ วิราคะ  สละ  สละคืน  ปล่อยไป  ไม่พัวพัน
ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ คือ 
อริยมรรคมีองค์ ๘ ปัญญาอันเห็นชอบ ความดำริชอบ
เจรจาชอบ การงานชอบ เลี้ยงชีวิตชอบ พยายามชอบ
ระลึกชอบ และตั้งจิตชอบ
อริยสัจ ๔  มีรอบ ๓ มีอาการ ๑๒ คือ 
นี้ทุกขอริยสัจ ควรกำหนดรู้ ได้กำหนดรู้แล้ว 
นี้ทุกขสมุทัยอริยสัจ ควรละเสีย ได้ละแล้ว 
นี้ทุกขนิโรธอริยสัจ ควรทำให้แจ้ง ทำให้แจ้งแล้ว 
นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ควรให้เจริญ ทำให้เจริญแล้ว 
ปัญญาอันรู้เห็นตามเป็นจริงของเราในอริยสัจ ๔ นี้ 
มีรอบ ๓ มีอาการ ๑๒ อย่างนี้ ยังไม่หมดจดดีแล้วเพียงใด 
เรายังยืนยันไม่ได้ว่า
เป็นผู้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณอันยอดเยี่ยมในโลก
พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก
ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ เพียงนั้น
ก็เมื่อใดแล ปัญญาอันรู้เห็นตามเป็นจริงของเรา 
ในอริยสัจ ๔ นี้ มีรอบ ๓ มีอาการ ๑๒ อย่างนี้ หมดจดดีแล้ว 
เมื่อนั้น เราจึงยืนยันได้ว่า เป็นผู้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณ 
อันยอดเยี่ยมในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก
ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะ พราหมณ์ เทวดาและมนุษย์


ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
พระสูตร:
ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง ๔/๑๓-๑๖/๑๕-๑๘