พระเตลุกานิเถระ
เรามีความเพียรค้นคิดธรรมอยู่นาน ก็ไม่ได้ความสงบใจ
จึงได้ถามสมณพราหมณ์ทั้งหลายว่า
ใครหนอในโลกเป็นผู้ถึงฝั่งแล้ว
ใครเล่าเป็นผู้ได้บรรลุธรรมอันหยั่งลงสู่อมตะ
เราจักปฏิบัติธรรมของใคร ซึ่งเป็นเครื่องให้รู้แจ้งปรมัตถ์
เราเป็นผู้มีความคด คือ กิเลสอันไปแล้วในภายใน
เหมือนปลาที่กินเหยื่อฉะนั้น
เราถูกผูกด้วยบ่วงใหญ่ คือ กิเลส
เหมือนท้าวเวปจิตติอสูร ถูกผูกด้วยบ่วงของท้าวสักกะ ฉะนั้น
เรากระชากบ่วง คือ กิเลสนั้นไม่หลุด
จึงไม่พ้นไปจากความโศกและความร่ำไร
จึงได้ถามสมณพราหมณ์ทั้งหลายว่า
ใครหนอในโลกเป็นผู้ถึงฝั่งแล้ว
ใครเล่าเป็นผู้ได้บรรลุธรรมอันหยั่งลงสู่อมตะ
เราจักปฏิบัติธรรมของใคร ซึ่งเป็นเครื่องให้รู้แจ้งปรมัตถ์
เราเป็นผู้มีความคด คือ กิเลสอันไปแล้วในภายใน
เหมือนปลาที่กินเหยื่อฉะนั้น
เราถูกผูกด้วยบ่วงใหญ่ คือ กิเลส
เหมือนท้าวเวปจิตติอสูร ถูกผูกด้วยบ่วงของท้าวสักกะ ฉะนั้น
เรากระชากบ่วง คือ กิเลสนั้นไม่หลุด
จึงไม่พ้นไปจากความโศกและความร่ำไร
พระสูตร:
เตลุกานิเถรเถรคาถา พระไตรปิฎก ฉบับหลวง ๒๖/๓๘๗/๓๒๒-๓๒๘