สังฆกรรม
วิธีสมมุตภิกษุผู้สั่งสอนภิกษุณี/อุบาสิกา
ปาจิตติยกัณฑ์
วิธีสมมติภิกษุผู้สั่งสอนภิกษุณี/อุบาสิกา
พึงขอร้องภิกษุผู้นั้นก่อน ครั้นแล้วภิกษุผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงประกาศให้สงฆ์ทราบ ด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจา ว่าดังนี้
ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว สงฆ์พึงสมมติภิกษุมีชื่อนี้ให้เป็นผู้กล่าวสอนภิกษุณี นี่เป็นญัตติ
ท่านเจ้าข้า การสมมติภิกษุมีชื่อนี้ให้เป็นผู้กล่าวสอนภิกษุณีชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงเป็นผู้นิ่ง ไม่ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงพูด
ข้าพเจ้ากล่าวความนี้เป็นครั้งที่สอง ท่านเจ้าข้า ฯ
ข้าพเจ้ากล่าวความนี้เป็นครั้งที่สาม ท่านเจ้าข้่า ฯ
ภิกษุมีชื่อนี้ สงฆ์สมมติให้เป็นผู้กล่าวสอนภิกษุณีแล้ว ชอบแก่สงฆ์ เหตุนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าทรงความนี้ไว้ ด้วยอย่างนี้
องค์คุณ ๘ ของภิกษุผู้ควรกล่าวสอนภิกษุณี
๑. เป็นผู้มีศีล คือสำรวมด้วยปาติโมกขสังวรศีล สมบูรณ์ด้วยอาจาระและโคจรอยู่ มีปกติเห็นภัยในโทษเพียงเล็กน้อย สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย
๒. เป็นพหูสูต คือทรงสุตะ เป็นผู้สั่งสมสุตะ ธรรมเหล่านั้นใด งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะครบบริบูรณ์บริสุทธิ์ ธรรมเห็นปานนั้น อันภิกษุนั้นได้สดับมาก ทรงจำไว้ได้ คล่องปาก ขึ้นใจ แทงตลอดด้วยปัญญา
๓. พระปาติโมกข์ทั้งสองมาแล้วด้วยดีโดยพิสดารแก่ภิกษุนั้น คือ ภิกษุนั้นจำแนกได้ดี คล่องแคล่วดี วินิจฉัยได้เรียบร้อยโดยสูตร โดยอนุพยัญชนะ
๔. เป็นผู้มีวาจาสละสลวย ชัดเจน
๕. เป็นที่นิยมชมชอบของภิกษุณีโดยมาก
๖. เป็นผู้สามารถกล่าวสอนภิกษุณีได้
๗. เป็นผู้ไม่เคยล่วงครุธรรมกับสตรีผู้ครองผ้ากาสายะ และ
๘. มีพรรษาได้ ๒๐ หรือเกิน ๒๐
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้สมมติภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์คุณ ๘ ประการนี้ ให้เป็นผู้กล่าวสอนภิกษุณี (และอุบาสิกา) ได้
เรียงเรียงจาก
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒ ข้อที่ ๔๐๖-๔๐๗ หน้า ๓๖๓ และ ๓๖๖