(๑) ญาณเกิดแก่ผู้มีใจเป็นสมาธิ หาเกิดแก่ผู้ที่มีใจไม่เป็นสมาธิไม่
(๒) ญาณ ๗๓ นี้ ญาณ ๖๗ [ข้างต้น] ทั่วไปแก่พระสาวก ญาณ ๖ [ในที่สุด] ไม่ทั่วไปด้วยพระสาวก เป็นญาณเฉพาะพระตถาคตเท่านั้น
ญาณ ๖ เฉพาะพระตถาคต
๑. อินทริยปโรปริยัติญาณ [ญาณในความยิ่งและหย่อนแห่งอินทรีย์ของสัตว์ทั้งหลาย]
๒. อาสยานุสยญาณ [ญาณในฉันทะเป็นที่มานอนและกิเลสอันนอนเนื่องของสัตว์ทั้งหลาย]
๓. ยมกปาฏิหิรญาณ [ญาณในยมกปาฏิหาริย์]
๔. มหากรุณาสมาปัตติญาณ
๕. สัพพัญญุตญาณ
๖. อนาวรณญาณ
ญาณ ๖๗ ทั่วไปแก่พระสาวก
๑. สุตมยญาณ [ญาณอันสำเร็จมาแต่การฟัง] ปัญญาในการทรงจำธรรมที่ได้ฟังมาแล้ว
๒. สีลมยญาณ [ญาณอันสำเร็จมาแต่ศีล] ปัญญาในการฟังธรรมแล้วสังวรไว้
๓. ภาวนามยญาณ [ญาณอันสำเร็จมาแต่การเจริญสมาธิ] ปัญญาในการสำรวมแล้วตั้งไว้ดี
๔. ฐิติญาณ [ญาณในเหตุธรรม] ปัญญาในการกำหนดปัจจัยเป็นธรรม
๕. สัมมสนญาณ [ญาณในการพิจารณา] ปัญญาในการย่อธรรมทั้งหลาย ทั้งส่วนอดีต ส่วนอนาคตและส่วนปัจจุบันแล้วกำหนดไว้
๖. อุทยัพพยานุปัสนาญาณ [ญาณในการพิจารณาเห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อม] ปัญญาในการพิจารณาเห็นความแปรปรวนแห่งธรรมส่วนปัจจุบัน
๗. วิปัสสนาญาณ [ญาณในความเห็นแจ้ง] ปัญญาในการพิจารณาอารมณ์แล้วพิจารณาเห็นความแตกไป
๘. อาทีนวญาณ [ญาณในการเห็นโทษ] ปัญญาในการปรากฏโดยความเป็นภัย
๙. สังขารุเบกขาญาณ ปัญญาในความปรารถนาจะพ้นไปทั้งพิจารณาและวางเฉยอยู่
๑๐.โคตรภูญาณ ปัญญาในการออกและหลีกไปจากสังขารนิมิตภายนอก
๑๑. มรรคญาณ ปัญญาในการออกและหลีกไปจากกิเลส ขันธ์ และสังขารนิมิตภายนอกทั้งสอง
๑๒. ผลญาณ ปัญญาในการระงับประโยค
๑๓. วิมุติญาณ ปัญญาในการพิจารณาเห็นอุปกิเลสนั้นๆ อันอริยมรรคนั้นๆ ตัดเสียแล้ว
๑๔. ปัจจเวกขณญาณ ปัญญาในการพิจารณาเห็นธรรมที่เข้ามาประชุมในขณะนั้น
๑๕. วัตถุนานัตตญาณ [ญาณในความต่างแห่งวัตถุ] ปัญญาในการกำหนดธรรมภายใน
๑๖. โคจรนานัตตญาณ [ญาณในความต่างแห่งโคจร] ปัญญาในการกำหนดธรรมภายนอก
๑๗. จริยานานัตตญาณ [ญาณในความต่างแห่งจริยา] ปัญญาในการกำหนดจริยา
๑๘. ภูมินานัตตญาณ [ญาณในความต่างแห่งภูมิ] ปัญญาในการกำหนดธรรม ๔
๑๙. ธรรมนานัตตญาณ [ญาณในความต่างแห่งธรรม] ปัญญาในการกำหนดธรรม ๙
๒๐. ญาตัฏฐญาณ [ญาณในความว่ารู้] ปัญญาที่รู้ยิ่ง
๒๑. ตีรณัฏฐญาณ [ญาณในความว่าพิจารณา] ปัญญาเครื่องกำหนดรู้
๒๒. ปริจจาคัฏฐญาณ [ญาณในความว่าสละ] ปัญญาในการละ
๒๓. เอกรสัฏฐญาณ [ญาณในความว่ามีกิจเป็นอันเดียว] ปัญญาเครื่องเจริญ
๒๔. ผัสสนัฏฐญาณ [ญาณในความว่าถูกต้อง] ปัญญาเครื่องทำให้แจ้ง
๒๕. อัตถปฏิสัมภิทาญาณ ปัญญาในความต่างแห่งอรรถ
๒๖. ธรรมปฏิสัมภิทาญาณ ปัญญาในความต่างแห่งธรรม
๒๗. นิรุตติปฏิสัมภิทาญาณ ปัญญาในความต่างแห่งนิรุติ
๒๘. ปฏิภาณปฏิสัมภิทาญาณ ปัญญาในความต่างแห่งปฏิภาณ
๒๙. วิหารัฏฐญาณ [ญาณในความว่าธรรมเครื่องอยู่] ปัญญาในความต่างแห่งวิหารธรรม
๓๐. สมาปัตตัฏฐญาณ [ญาณในความว่าสมาบัติ] ปัญญาในความต่างแห่งสมาบัติ
๓๑. วิหารสมาปัตตัฏฐญาณ [ญาณในความว่าวิหารสมาบัติ]ปัญญาในความต่างแห่งวิหารสมาบัติ
๓๒. อานันตริกสมาธิญาณ [ญาณในสมาธิอันมีในลำดับ]ปัญญาในการตัดอาสวะขาดเพราะความบริสุทธิ์แห่งสมาธิอันเป็นเหตุไม่ให้ฟุ้งซ่าน
๓๓. อรณวิหารญาณ [ญาณในวิหารธรรมอันไม่มีกิเลสเป็นข้าศึก] ทัสนาธิปไตย ทัสนะมีความเป็นอธิบดี วิหาราธิคม คุณเครื่องบรรลุ คือ วิหารธรรมอันสงบ และปัญญาในความที่จิตเป็นธรรมชาติน้อมไปในผลสมาบัติอันประณีต
๓๔. นิโรธสมาปัตติญาณ [ญาณในนิโรธสมาบัติ] ปัญญาในความเป็นผู้มีความชำนาญด้วยความเป็นผู้ประกอบด้วยพละ ๒ ด้วยความระงับสังขาร ๓ ด้วยญาณจริยา ๑๖ และด้วยสมาธิจริยา ๙
๓๕. ปรินิพพานญาณ ปัญญาในความสิ้นไปแห่งความเป็นไปแห่งกิเลสและขันธ์ของบุคคลผู้รู้สึกตัว
๓๖. สมสีสัฏฐญาณ [ญาณในความว่าธรรมอันสงบและธรรม อันเป็นประธาน] ปัญญาในความไม่ปรากฏแห่งธรรมทั้งปวงในการตัดขาดโดยชอบและในนิโรธ
๓๗. สัลเลขัฏฐญาณ [ญาณในความว่าธรรมเครื่องขัดเกลา] ปัญญาในความสิ้นไปแห่งกิเลสอันหนา สภาพต่างๆ และเดช
๓๘. วิริยารัมภญาณ ปัญญาในความประคองไว้ซึ่งจิตอันไม่หดหู่และจิตที่ส่งไป
๓๙. อรรถสันทัสนญาณ [ญาณในการเห็นชัดซึ่งอรรถธรรม] ปัญญาในการประกาศธรรมต่างๆ
๔๐. ทัสนวิสุทธิญาณ ปัญญาในการสงเคราะห์ธรรมทั้งปวงเป็นหมวดเดียวกัน ในการแทงตลอดธรรมต่างกันและธรรมเป็นอันเดียวกัน
๔๑. ขันติญาณ ปัญญาในความที่ธรรมปรากฏโดยความเป็นของไม่เที่ยงเป็นต้น
๔๒. ปริโยคาหนญาณ [ญาณในความย่างเข้าไป] ปัญญาในความถูกต้องธรรม
๔๓. ปเทสวิหารญาณ [ญาณในวิหารธรรมส่วนหนึ่ง] ปัญญาในการรวมธรรม
๔๔. สัญญาวิวัฏฏญาณ [ญาณในความหลีกไปด้วยปัญญาที่รู้ดี] ปัญญาในความมีกุศลธรรมเป็นอธิบดี
๔๕. เจโตวิวัฏฏญาณ [ญาณในการหลีกออกจากนิวรณ์ด้วยใจ] ปัญญาในธรรมเป็นเหตุละความเป็นต่างๆ
๔๖. จิตตวิวัฏฏญาณ [ญาณในความหลีกไปแห่งจิต] ปัญญาในการอธิษฐาน
๔๗. ญาณวิวัฏฏญาณ [ญาณในความหลีกไปด้วยญาณ] ปัญญาในธรรมอันว่างเปล่า
๔๘. วิโมกขวิวัฏฏญาณ [ญาณในความหลีกไปแห่งจิตด้วยวิโมกข์] ปัญญาในความสลัดออก
๔๙. สัจจวิวัฏฏญาณ [ญาณในความหลีกไปด้วยสัจจะ] ปัญญาในความว่าธรรมจริง
๕๐. อิทธิวิธีญาณ [ญาณในการแสดงฤทธิ์ได้ต่างๆ] ปัญญาในความสำเร็จด้วยการกำหนดกาย [รูปกายของตน] และจิต [จิตมีญาณเป็นบาท] เข้าด้วยกัน และด้วยสามารถแห่งความตั้งไว้ซึ่งสุขสัญญา [สัญญาประกอบด้วยอุเบกขาในจตุตถฌานเป็นสุขละเอียด] และลหุสัญญา [สัญญาเบาเพราะพ้นจาก นิวรณ์และปฏิปักขธรรม]
๕๑. โสตธาตุวิสุทธิญาณ [ญาณอันหมดจดแห่งโสตธาตุ] ปัญญาในการกำหนดเสียงเป็นนิมิตหลายอย่างหรืออย่างเดียวด้วยสามารถการแผ่วิตกไป
๕๒. เจโตปริยญาณ [ญาณในความกำหนดรู้จิตผู้อื่นด้วยจิตของตน] ปัญญาในการกำหนดจริยาคือ วิญญาณหลายอย่างหรืออย่างเดียว ด้วยความแผ่ไปแห่งจิต ๓ ประเภท และด้วยสามารถแห่งความผ่องใสแห่งอินทรีย์ทั้งหลาย
๕๓. บุพเพนิวาสานุสสติญาณ [ญาณเป็นเครื่อง ระลึกถึงชาติก่อนๆ ได้] ปัญญาในการกำหนดธรรมทั้งหลายอันเป็นไปตามปัจจัยด้วยสามารถความแผ่ไปแห่งกรรม หลายอย่างหรืออย่างเดียว
๕๔. ทิพจักขุญาณ ปัญญาในความเห็นรูปเป็นนิมิตหลายอย่างหรืออย่างเดียวด้วยสามารถแสงสว่าง
๕๕. อาสวักขยญาณ [ญาณในความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย] ปัญญาในความเป็นผู้มีความชำนาญในอินทรีย์ ๓ ประการ โดยอาการ ๖๔
๕๖. ทุกขญาณ ปัญญาในความกำหนดรู้
๕๗. สมุทยญาณ ปัญญาในความละ
๕๘. นิโรธญาณ ปัญญาในความทำให้แจ้ง
๕๙. มรรคญาณ ปัญญาในความเจริญ
๖๐. ทุกขญาณ [ญาณในทุกข์]
๖๑. ทุกขสมุทยญาณ [ญาณในเหตุให้เกิดทุกข์]
๖๒. ทุกขนิโรธญาณ [ญาณในความดับทุกข์]
๖๓. ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาญาณ [ญาณในข้อปฏิบัติ เครื่องให้ถึงความดับทุกข์]
๖๔. อรรถปฏิสัมภิทาญาณ
๖๕. ธรรมปฏิสัมภิทาญาณ
๖๖. นิรุตติปฏิสัมภิทาญาณ
๖๗. ปฏิภาณปฏิสัมภิทาญาณ
(๒) มาติกา ปฏิสัมภิทามรรค พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๓๒ หน้า ๑-๔