อนังคณสูตร - รู้ว่ามีกิเลส
อะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ที่ทำให้บุคคลสองพวกผู้มีกิเลสเหมือนกัน
คนหนึ่ง บัณฑิตกล่าวว่าเป็นบุรุษเลวทราม
คนหนึ่ง บัณฑิตกล่าวว่าเป็นบุรุษประเสริฐ
บุคคลใดมีกิเลส แต่ไม่รู้ตามเป็นจริงว่า เรามีกิเลสในภายใน
ข้อนี้ บุคคลนั้นพึงหวังได้ คือ เขาจักไม่ยังความพอใจให้เกิด
จักไม่พยายาม จักไม่ปรารภความเพียร เพื่อละกิเลสนั้นเสีย
เขาจักเป็นผู้มีราคะ โทสะ โมหะ มี กิเลส มีจิตเศร้าหมอง ทำกาละ
เหมือนภาชนะสัมฤทธิ์ ที่บุคคลนำมาแต่ร้านตลาด หรือแต่สกุลช่างทอง
อันละอองและสนิมจับอยู่โดยรอบ เจ้าของก็ไม่ใช้
และไม่ขัดสีภาชนะสัมฤทธิ์นั้น ซ้ำเก็บมันไว้ในที่มีละออง
เมื่อเป็นอย่างนี้ ภาชนะสัมฤทธิ์นั้น จะพึงเป็นของเศร้าหมอง สนิมจับยิ่งขึ้น ฉันใด
บุคคลนี้ก็ฉันนั้น ยังมีกิเลส แต่ไม่รู้ตามเป็นจริงว่า เรามีกิเลสในภายใน
ข้อนี้ บุคคลนั้นพึงหวังได้ คือ เขาจักไม่ยังความพอใจให้เกิด
จักไม่พยายาม จักไม่ปรารภความเพียร เพื่อละกิเลสนั้นเสีย
เขาจักเป็นผู้มีราคะ โทสะ โมหะ มีกิเลส มีจิตเศร้าหมอง ทำกาละ
บุคคลใดมีกิเลส รู้ตามเป็นจริงว่า เรามีกิเลสในภายใน
ข้อนี้ บุคคลพึงหวังได้ คือ เขาจักยังความพอใจให้เกิด
จักพยายาม จักปรารภความเพียร เพื่อละกิเลสนั้นเสีย
เขาจักเป็นผู้ไม่มีราคะ โทสะ โมหะ
ไม่มีกิเลส มีจิตไม่เศร้าหมอง ทำกาละ
เปรียบเหมือนภาชนะสัมฤทธิ์ ที่บุคคลนำมาแต่ร้านตลาด หรือแต่สกุลช่างทอง
อันละอองและสนิมจับอยู่โดยรอบ เจ้าของใช้ขัดสีภาชนะสัมฤทธิ์นั้น
และไม่เก็บมันไว้ในที่มีละออง
เมื่อเป็นเช่นนี้ ภาชนะสัมฤทธิ์จะเป็นของหมดจดผ่องใส ฉันใด
บุคคลนี้ก็ฉันนั้น มีกิเลส รู้ตามเป็นจริงว่า เรามีกิเลส ในภายใน
ข้อนี้ บุคคลนั้นพึงหวังได้คือ เขาจักยังความพอใจให้เกิด
จักพยายาม จักปรารภ ความเพียร เพื่อละกิเลสนั้นเสีย
เขาจักเป็นผู้ไม่มีราคะ โทสะ โมหะ ไม่มีกิเลส
มีจิตไม่เศร้าหมอง ทำกาละ
พระสารีบุตร
อ่าน-ฟังพระสูตรเต็ม