เทพอารักขา
พวกเรามีเทพอารักขาไหมคะ
ระบบอารักขาเป็นระบบอาสาสมัคร เหมือนตอนเราเกิดก็จะมีระบบอาสาสมัครมาดูแลเรา เรียกว่า Guardian Angel หรือเทพอารักขา คือเนื่องจากบนสวรรค์มีจำนวนเทวดาเยอะมาก พระพุทธเจ้าทรงเปรียบอย่างนี้ ถ้าจำนวนมนุษย์ทั้งโลกเท่ากับมะขวิด (ประมาณแคนตาลูป) หนึ่งกระบุง จำนวนเทวดาบนสวรรค์เท่ากับเมล็ดงาหนึ่งกระบุง กี่เท่าล่ะ เอาเมล็ดงากี่เมล็ดใส่เข้าไปในลูกแคนตาลูปจึงจะได้แคนตาลูปหนึ่งลูก เปรียบเทียบกันอย่างนั้น แล้วเทวดาทุกคนสบายหมด ใครอยากไปไหน นึกปุ๊บก็ไปเลย อยากแต่งตัวยังไงนึกปุ๊บก็เป็นอย่างนั้นเลย สำเร็จด้วยอำนาจใจ ทุกคนสุขสบายได้ดังใจหมด เทวดาเลยไม่ค่อยมีโอกาสทำความดีแก่กันและกัน ยกเว้นปฏิบัติธรรมและเรียนสัจธรรม นอกนั้นไม่มีโอกาสไปช่วยอะไรกัน และเมื่อหมดอายุเทวดา ก็จะต้องไปเกิดตามที่ต่าง ๆ เมื่อท่านสุขสบายอยู่นั้น ก็เลยคิดว่าจะทำอย่างไรเราจึงจะได้มีโอกาสทำความดีมาต่ออายุตัวเอง หรือตายแล้วก็ได้ให้อยู่บนสวรรค์ต่อไม่ต้องลงมาโลกมนุษย์หรืออบาย โลกมนุษย์นี่ถือเป็นอบายของสวรรค์ คือ ต่ำกว่าสวรรค์
ดังนั้น จะทำความดีบนสวรรค์อย่างไร มนุษย์นี่เองที่พอใกล้เราและพอช่วยได้ ก็มาอาสาสมัครช่วยมนุษย์อย่างเป็นระบบ ก็คือมาเข้าคิวเป็นเทพอารักขา เค้าก็จะจัดสรรให้ว่าตอนนี้จะมีเด็กเกิดที่นี่ ใครบ้างที่เคยมีความสัมพันธ์กับเด็กคนนี้มาก่อน เป็นปู่ย่าตายาย เป็นเพื่อน เป็นคนรัก เป็นครูบาอาจารย์ เป็นอะไรก็แล้วแต่ ถ้ามี ๑๐ องค์ก็ดูว่าใครบ้างที่มีสภาวะจิตใกล้เคียงกับเด็กคนนี้ อ้าวท่านนี้ ดูแลเด็กคนนี้ เป็น assignment ด้วยระบบอาสาสมัคร เป็น volunteer
เราจะสังเกตได้ว่าเด็กเวลาเกิดใหม่ ๆ เค้าจะบอกเห็นโน่นเห็นนี่ ลาวเรียกว่าแม่ซื้อ ฝรั่งเรียกว่า Guardian Angel คนไทยเรียกว่าเทพอารักขา แล้วแต่จะเรียกกันไป เด็กทารกมักจะเห็น หัวร่อต่อกระซิกเล่นกันได้เป็นธรรมดา แต่พออายุมากขึ้นไปโรงเรียน ความคิดชักเยอะ ไปเข้าสังคม อารมณ์ชักเยอะ จิตเขรอะสมาธิถดถอย ชักจะติดต่อกับเทพอารักขาไม่ได้ พอติดต่อไม่ได้ ใหม่ ๆ ท่านก็จะใช้วิธีดลใจให้เกิดจิตสำนึกที่ดี เด็กก็จะรู้สึกว่าไม่เคยคิดเรื่องนี้แล้วทำไมมันผุดขึ้นมา สิ่งที่ผุดขึ้นมาคือการดลใจของเทพอารักขา ถ้าดลใจแล้วยังไม่รู้เรื่อง เริ่มกินเหล้าเมายา เริ่มเชื่อเพื่อน เริ่มหลงทีวี ไม่ฟังแม้กระทั่งพ่อแม่ เทพอารักขาดลใจไม่ได้ผล ท่านก็จะไปเข้าฝัน เวลาท่านเข้าฝันบางทีเราไม่เข้าใจท่านก็จะเข้าฝันสามครั้ง ถ้าสามครั้งแล้วยังไม่สำเหนียกอีก ท่านก็จะปล่อย ปล่อยวาง บางท่านก็จากไปเลย เลิกดูแล นั่นประการที่หนึ่ง
ประการที่สอง พอเราปล่อยตัวเองให้เขรอะมากจนแสงจิตเราหายไป เทวดามองไม่เห็นนะ ถึงแม้ท่านยังตามดูแลเราอยู่ เอ๊ะ หายไปไหนเมื่อวานยังเห็นอยู่ตรงนี้ นั่นเพราะมนุษย์ปล่อยให้ตัวเองมืดมนไปด้วยกิเลส ไปด้วยจิตปรุงแต่งไปด้วยเรื่องหลงผิด กรี๊ดกร๊าดในเรื่องไร้ประโยชน์ เมื่อจิตเสียหาย แสงจิตก็หาย ท่านก็มองไม่เห็น ช่วยเราไม่ได้ บางท่านก็รอ บางท่านก็ไป บางคนบ่นว่าทำไมสวรรค์ไม่มีตา นั่นก็กล่าวตู่เทวดาอีก ความจริงสวรรค์มีตาเยอะแยะ แต่เราไม่มีแสงจิตให้เทวดาเห็นเอง
ดังนั้น รีบปฏิบัติจิตให้ผ่องใสจริงจังต่อเนื่องซะ อย่ามัวเหลวไหล โวยวาย จะยิ่งตกต่ำ