Main navigation

คุณและโทษของสิ่งต่าง ๆ

Q ถาม :

ท่านอาจารย์คะ เคยฟังท่านอาจารย์สอนในคอร์ส เรื่องคุณและโทษของสิ่งต่าง ๆ ที่มักมาด้วยกัน ชอบมาก แต่หาฟังทบทวนไม่ได้อีก จึงขออนุญาตเรียนถามท่านอาจารย์เป็นประเด็น ๆ ไป นะคะ

A อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ :

ผู้ถาม

อะไรคือโทษของขันติ อะไรคือคุณของขันติคะ

อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ 

โทษของขันติ คือ

๑. ทนต่อพิษของกิเลส ทั้งของตน คนอื่น และโลกได้ จนสะสมพิษทำร้ายจิตใจและขันธ์อื่น ๆ จนเสียหายใหญ่

๒. ทนต่อสังขารอันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่เป็นตนได้ จนต้องเกิดมามีสังขารอีก แก่เจ็บตาย ทุกข์อีกไม่รู้จบ

คุณของขันติ คือ

๑. อดทนต่อแรงเสียดทานจากภายนอก เพื่อการทำความดีที่แตกต่าง สะอาดบริสุทธิ์กว่าได้

๒. อดทนต่อแรงเสียดทานภายใน เพื่อความบริสุทธิ์หลุดพ้นจากแรงกระทำทั้งหมดนั้นได้

๓. ขันติเป็นตัวขูดกิเลสหาย

๔. ขันติที่ปฏิบัติอย่างแม่นยำเพื่อผลสูงสุดด้วยชีวิต จะตกผลึกเป็นปรมัตถปารมี เป็นพุทธการกธรรมให้สำเร็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้


ผู้ถาม

อะไรคือโทษของความหวัง อะไรคือคุณของความหวังคะ

อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ 

โทษของความหวัง คือ

๑. สร้างภาพมายาเลื่อนลอยให้เคลิ้มไป หากหวังในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ก็เสียเวลาเปล่า หากหวังในสิ่งที่มีโทษมากกว่าคุณ ก็ขาดทุน

๒. สร้างภาระให้วิ่งตามความหวังลม ๆ แล้ง ๆ นั้น หากเป็นหวังระยะยาวก็เสียชาติเกิดไปเลย

๓. หากหวังผิด ก็ผิดหวัง สร้างทุกข์โดยไม่จำเป็น

คุณของความหวัง คือ

๑. หากหวังด้วยปัญญากรองกลั่นแล้วว่าเป็นไปได้ ความคุ้มค่าจะช่วยปักธรรมแห่งความสำเร็จอย่างเป็นขั้นตอน

๒. รวมพลังในสารบบขับเคลื่อนไปสู่ผลสำเร็จได้


ผู้ถาม

อะไรคือโทษของความเพียร อะไรคือคุณของความเพียรคะ

อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ

โทษของความเพียร คือ

๑. ดันทุรังจนมักขาด ๆ เกิน ๆ

๒. มักจมอยู่กับเรื่องเดียว ความยืดหยุ่นต่ำ จนชีวิตกิจการงานเสียสมดุล

๓. หากเพียรในสิ่งที่ไม่คุ้มค่าก็สูญเปล่า ถึงขาดทุนชีวิต

คุณของความเพียร คือ

๑. ประคองตนและกิจที่ทำไปสู่ความเจริญและความสำเร็จ

๒. รักษากระบวนการพัฒนาให้ต่อเนื่อง

๓. ทำให้มี focus เช่น หากเพียรในจิตจะทำให้ได้สติเต็มง่าย

๔. การมีเกณฑ์ความเพียรที่ชัดเจน เช่น สัมมัปปธาน ทำให้กำหนดทิศทางแห่งความสำเร็จได้

๕. ความเพียรสายกลางเป็นตัวปรับเกลี่ยความพอเหมาะพอดีให้ปฏิบัติง่าย สำเร็จเร็วได้

๖. ความเพียรที่ปฏิบัติอย่างแม่นยำเพื่อผลสูงสุดด้วยชีวิต จะตกผลึกเป็นปรมัตถปารมี เป็นพุทธการกธรรมให้สำเร็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้


ผู้ถาม

อะไรคือโทษของเนกขัมมะ อะไรคือคุณของเนกขัมมะคะ

อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ

โทษของเนกขัมมะ คือ

๑. ทำให้ไม่ยินดีในการดูดซับคุณค่าของสิ่งที่ควรบริโภค

๒. มีเสน่ห์พิเศษเป็นที่หมายปองอยากเอาชนะโดยเพศตรงข้าม

คุณของเนกขัมมะ คือ

๑. ทำให้เป็นอิสระจากสิ่งที่บริโภค

๒. ยกภูมิสูงขึ้นโดยอัตโนมัติ

๓. เป็นอิสระจากสิ่งเร้าในโลก

๔. หากหมดจด จะมีพลังพิเศษ มีฤทธิ์ธรรมชาติ

๕. เนกขัมมะที่ปฏิบัติอย่างแม่นยำเพื่อผลสูงสุดด้วยชีวิต จะตกผลึกเป็นปรมัตถปารมี เป็นพุทธการกธรรมให้สำเร็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้


ผู้ถาม

อะไรคือโทษของศีล อะไรคือคุณของศีลคะ

อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ

โทษของศีล คือ

๑. หากยึดถือเอาเป็นเอาตายกลายเป็นสีลัพพัตตุปาทาน จะกลายเป็นคนถือสาแม้ในเรื่องเล็กน้อย

๒. มีปฏิฆะกับคนผิดศีลง่าย

คุณของศีล คือ

๑. ทำให้ปลอดภัย

๒. ทำให้มีคุณสมบัติสวรรค์

๓. ทำให้เป็นที่เชื่อถือ มีเครดิตทางสังคม

๔. ทำให้ไม่ฟุ้งซ่านกับเรื่องไร้สาระ

๕. ทำให้ไม่มีบาปต้องชดใช้

๖. ทำให้เข้าสมาธิง่าย ตั้งมั่นอยู่นาน

๗. ทำให้มีฐานที่มั่นสู่การบรรลุธรรม

๘. หากศีลบริสุทธิ์จะได้อานุภาพปาริสุทธิศีล

๙. ศีลที่ปฏิบัติอย่างแม่นยำเพื่อผลสูงสุดด้วยชีวิต จะตกผลึกเป็นปรมัตถปารมี เป็นพุทธการกธรรมให้สำเร็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้


ผู้ถาม

อะไรคือโทษของสัจจะ อะไรคือคุณของสัจจะคะ

อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ

โทษของสัจจะ คือ

๑. สัจจะระดับรักษาสัญญา ทำให้ขาดการปรับปรุงข้อตกลงที่เป็นไปไม่ได้

๒. สัจจะระดับรักษาสัญญา ทำให้เป็นทาสวจีสังขาร อาจเดินสู่ความพินาศได้

คุณของสัจจะ คือ

๑. สัจจะระดับรักษาสัจธรรม ทำให้เที่ยงตรงต่อความจริงแท้

๒. จิตตรง มีกำลัง

๓. เป็นผู้ที่เชื่อถือได้มากที่สุดในบรรดาคนกล่าววาจา

๔. หากรักษาสัจจะระดับรักษาสัจธรรมด้วยชีวิต จะได้วาจาสิทธิ์ พูดอย่างไร สิ่งต่าง ๆ จะผันให้เป็นอย่างนั้น

๕. มีความศักดิ์สิทธิ์โดยธรรมชาติ

๖. สัจจะที่ปฏิบัติอย่างแม่นยำเพื่อผลสูงสุดด้วยชีวิต จะตกผลึกเป็นปรมัตถปารมี เป็นพุทธการกธรรมให้สำเร็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้


ผู้ถาม

อะไรคือโทษของทาน อะไรคือคุณของทานคะ

อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ

โทษของทาน คือ

๑. หากให้สิ่งที่ไม่ควรให้แก่ผู้รับ ย่อมเป็นโทษต่อผู้รับ และเป็นกรรมของผู้ให้

๒. หากให้ในเวลาที่ไม่ควรให้แก่ผู้รับ ย่อมเป็นโทษต่อผู้รับ และเป็นกรรมของผู้ให้

๓. หากให้ปริมาณที่ไม่ควรให้แก่ผู้รับ ย่อมเป็นโทษต่อผู้รับ และเป็นกรรมของผู้ให้

๔. หากให้เพื่อสร้างตัวตนของผู้ให้ ย่อมเป็นโทษต่อผู้ให้ และเป็นกรรมของผู้รับ

๕. หากให้เพื่อสนองกิเลสของผู้ให้ ย่อมเป็นโทษต่อผู้ให้ และเป็นกรรมของผู้รับ

๖. หากให้ด้วยความไม่เป็นธรรม ย่อมเป็นโทษต่อผู้ให้และผู้รับ

๗. หากให้ด้วยความยึดถือในการให้นั้น ย่อมเป็นโทษต่อผู้ให้และผู้รับ  

คุณของทาน คือ

๑. การให้อย่างบริสุทธิ์ใจ เป็นการชำระความตระหนี่หวงแหน

๒. การให้แบบสละ เป็นการลดภาระทางใจในการครอบครองดูแล

๓. การให้สิ่งที่เหมาะสมกับผู้รับ เป็นการสมานสัมพันธไมตรีที่ดีและง่าย

๔. การให้อย่างพอเหมาะพอดีกับผู้ให้และผู้รับ ทำให้เป็นที่รัก

๕. การให้ที่ดี เกิดกรรมดี อานิสงส์ดีในระบบ หากยังไม่พ้นวัฏฏะ ปัจจัยแห่งชีวิตจะดีขึ้น

๖. การให้ด้วยความเลื่อมใส จะเพิ่มค่าการให้สูงขึ้น

๗. การให้แก่พระอรหันต์ จะเพิ่มพูนอรหันตปัจจัยให้พบทางธรรม

๘. การให้ผู้บริสุทธิ์ที่แม่นยำ เช่น ท่านผู้ออกจากนิโรธสมาบัติใหม่ จะได้อานิสงส์ใหญ่ภายในเจ็ดวัน

๙. การให้สิ่งที่หมู่คณะกำลังต้องการเพื่อกิจอันเลิศ จะได้อานิสงส์ หรือ/และความเป็นเลิศ

๑๐. ทานที่สละอย่างแม่นยำเพื่อผลสูงสุดด้วยชีวิต จะตกผลึกเป็นปรมัตถปารมี เป็นพุทธการกธรรมให้สำเร็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้


ผู้ถาม

อะไรคือโทษของอธิษฐาน อะไรคือคุณของอธิษฐานคะ

อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ

โทษของอธิษฐาน คือ

๑. จิตเพ่งจำเพาะเจาะจงต่อสิ่งที่อธิษฐาน จนบ่อยครั้งดูดายความสำเร็จอื่น ๆ  

๒. หากอธิษฐานใหญ่ อาจเจอการทดสอบใหญ่

คุณของอธิษฐาน คือ

๑. จิตมีพลังฝ่าฝันอุปสรรคเพื่อสิ่งที่อธิษฐาน

๒. มีอานุภาพประมวลเหตุปัจจัยเพื่อผลแห่งอธิษฐานมารวมกัน

๓. เทวดาที่ตามรักษารู้ว่าปรารถนาอะไร

๔. อธิษฐานที่ปฏิบัติอย่างแม่นยำเพื่อผลสูงสุดด้วยชีวิต จะตกผลึกเป็นปรมัตถปารมี เป็นพุทธการกธรรมให้สำเร็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้


ผู้ถาม

อะไรคือโทษของเมตตา อะไรคือคุณของเมตตาคะ

อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ

โทษของเมตตา คือ

๑. ใจอ่อน

๒. มักปรนเปรอกิเลสโดยไม่รู้ตัว

๓. เสียความเที่ยงธรรม  

คุณของเมตตาตามพระพุทโธวาท คือ

๑. ย่อมหลับเป็นสุข

๒. ตื่นเป็นสุข

๓. ไม่ฝันลามก

๔. ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์

๕. ย่อมเป็นที่รักของอมนุษย์

๖. เทวดาย่อมรักษา

๗. ไฟ ยาพิษ หรือศาสตราย่อมไม่กล้ำกลาย

๘. จิตของผู้เจริญเมตตาเป็นสมาธิได้รวดเร็ว

๙. สีหน้าของผู้เจริญเมตตาย่อมผ่องใส

๑๐. ย่อมไม่หลงใหลกระทำกาละ

๑๑. เมื่อยังไม่แทงตลอดธรรมอันยิ่งย่อมเข้าถึงพรหมโลก

๑๒. เมตตาที่ปฏิบัติอย่างแม่นยำเพื่อผลสูงสุดด้วยชีวิต จะตกผลึกเป็นปรมัตถปารมี เป็นพุทธการกธรรมให้สำเร็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้


ผู้ถาม

อะไรคือโทษของอุเบกขา อะไรคือคุณของอุเบกขาคะ

อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ

โทษของอุเบกขา คือ

๑. สบายจนไม่ขวนขวายพัฒนาต่อ

๒. เฉยจนผู้คนมักไม่เข้าใจ

คุณของอุเบกขา คือ

๑. อยู่สบาย

๒. สมาธิใหญ่ตั้งมั่น

๓. เป็นฐานของฤทธิ์คุณภาพสูง

๔. เป็นฐานของญาณคุณภาพสูง

๕. เข้าสู่พรหมโลกขั้นสูง

๖. ยามดวงอาทิตย์แตกระเบิดตามอายุขัย พรหมชั้นสูงยังคงอยู่อย่างปลอดภัย ในขณะที่อบาย โลกมนุษย์ สวรรค์ทั้งหมดตั้งอยู่ไม่ได้

๗. เป็นฐานที่วิมุตติได้โดยง่าย

๘. อุเบกขาที่ปฏิบัติอย่างแม่นยำเพื่อผลสูงสุดด้วยชีวิต จะตกผลึกเป็นปรมัตถปารมี เป็นพุทธการกธรรมให้สำเร็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้


ผู้ถาม

อะไรคือโทษของสติ อะไรคือคุณของสติคะ

อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ

โทษของสติ คือ

๑. หากเป็นสติต่อภายนอก จิตจะแข็ง

๒. หากเป็นสติแบบกำหนดรู้ถี่ ๆ จิตจะเกร็ง

คุณของสติ คือ

๑. รู้ตั้งมั่นไม่หวั่นไหว

๒. เป็นเครื่องกั้นกระแสภายในไม่ให้ไหลออก ภายนอกไม่ให้ไหลเข้า

๓. เป็นองค์ประกอบหลักของสมาธิ

๔. เป็นฐานที่มั่นของปัญญา

๕. สติบริสุทธิ์เป็นผู้หยั่งลงสู่วิมุตติ


ผู้ถาม

อะไรคือโทษของสมาธิ อะไรคือคุณของสมาธิ คะ

อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ

โทษของสมาธิ คือ

๑. เมื่อได้สมาบัติลึกต่อเนื่อง จะว่างมาก สุขมากกว่าทุกสิ่งในโลก จนเผลอนิกันติพอใจว่าแค่นี้พอแล้ว ไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว

๒. นิยมวิเวกชอบอยู่คนเดียว จนคนพวกหนึ่งหมั่นไส้ คนพวกหนึ่งเกรงใจ

คุณของสมาธิ คือ

๑. จิตอิสระมาก

๒. จิตตั้งมั่นมาก

๓. จิตไม่หวั่นไหวกับสิ่งเร้าใด ๆ

๔. ฟังอะไรก็เข้าใจลึกซึ้งทันที

๕. ใครพูดอะไรก็รู้เจตนาซ้อนเจตนาทันที

๖. เรียนเก่ง

๗. ทำงานแม่นเร็วได้ผลดี

๘. พลังสร้างสรรค์กว้างไกล

๙. กายเบาจิตโปร่ง

๑๐. สติบริสุทธิ์

๑๑. มีสติรู้แม้ในขณะหลับ

๑๒. แผ่จิตไปได้ทั่วจักรวาล

๑๓. เป็นที่รักของเหล่าพรหม

๑๔. มีอานุภาพที่หาได้ยาก

๑๕. เป็นฐานที่มั่นของฤทธิ์

๑๖. เป็นฐานที่มั่นของปัญญา

๑๗. วิปัสสนาได้ลึกซึ้งกว้างไกล

๑๘. บรรลุธรรมง่าย

๑๙. เป็นวิหารธรรมหลักของนักปฏิบัติธรรม

๒๐. เป็นกระบวนการในการลอกขันธ์ให้เบาบาง จนดับได้ในนิโรธสมาบัติ

๒๑. เป็นที่พักประจำของเหล่าพระอรหันต์

๒๒. เป็นประตูสู่พระนิพพาน พระพุทธเจ้าทรงเสด็จเข้านิพพานระหว่างรูปฌานกับอรูปฌาน


ผู้ถาม

อะไรคือโทษของปัญญา อะไรคือคุณของปัญญา คะ

อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ

โทษของปัญญา คือ

๑. สุตตมยปัญญา สัญญาจะบวม ปูดออกมาเป็นทิฏฐิต่าง ๆ

๒. จินตามยปัญญา จะฟุ้งซ่าน โมหะงอกออกมาเป็นมานะต่าง ๆ

๓. ทั้งสองประการเข้าสมาธิยาก

คุณของปัญญา คือ

๑. ภาวนามยปัญญาในสมาธิ เห็นความจริงตรงจริง แจ่มชัด ไร้กังขา

๒. มีอำนาจทลายความหลงผิดแม้ระดับลึก 

๓. น้อมนำสู่วิราคะ

๔. ญาณทำให้เห็นอวิชชา

๕. ญาณกับวิราคะเป็นกลไกสำคัญในการสลายอวิชชาดับสูญสิ้น

๖. ปัญญาญาณจำเป็นสำหรับการบรรลุธรรมทุกระดับ

๗. เป็นแสงสว่างแห่งโลกทั้งปวง

๘. ปัญญาที่ปฏิบัติอย่างแม่นยำเพื่อผลสูงสุดด้วยชีวิต จะตกผลึกเป็นปรมัตถปารมี เป็นพุทธการกธรรมให้สำเร็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้


ผู้ถาม

อะไรคือโทษของวิมุตติ อะไรคือคุณของวิมุตติคะ

อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ

โทษของวิมุตติ ไม่มี

คุณของวิมุตติ คือ

๑. หลุดพ้นจากทุกขสมุทัยโดยลำดับ

๒. เข้าถึงความบริสุทธิ์โดยลำดับ

๓. พ้นทุกข์ถาวร


ผู้ถาม

อะไรคือโทษของนิพพาน อะไรคือคุณของนิพพานคะ

อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ

โทษของนิพพาน ไม่มี

คุณของนิพพาน คือ

๑. บริสุทธิ์สัมบูรณ์

๒. ว่างอย่างยิ่ง

๓. สุขอย่างยิ่ง

๔. อมตะ

 

 

 

ที่มา
29 May 2023

คำที่เกี่ยวข้อง :

บารมี วิมุตติ นิพพาน