11 อาจารย์ไชย ณ พล วิสัชนาธรรมในกรรมฐานยาม
ถาม: อะไรคือสิ่งที่ซับซ้อนที่สุดในจักรวาล
ตอบ: วงกตกรรม
ถาม: กรรมเกิดมาแต่ไหน
ตอบ: จิตตสังขาร วจีสังขาร กายสังขาร
ถาม: เมื่อกรรมเกิดจากสามสังขาร ไฉนกรรมจึงซับซ้อนกว่าสังขารได้
ตอบ: พ่อและแม่สามคน จะผลิตลูกได้ทั้งหมดกี่คน
ถาม: เป็นร้อยก็ได้
ตอบ: ผู้สร้างสามารถผลิตผู้ถูกสร้างให้มีปริมาณมากกว่าตนได้เสมอ ยิ่งผลิตมาทุกชาติสมทบเข้าไปในปริมาณเดิม ปริมาณรวมจึงนับไม่ถ้วน
ถาม: แต่ปริมาณเยอะไม่จำเป็นต้องซับซ้อนก็ได้
ตอบ: ในวันหนึ่ง ท่านมีมโนกรรมกับผู้คนกี่กรรม มีวจีกรรมกับผู้คนกี่กรรม มีกายกรรมกับผู้คนกี่กรรม
ถาม: โอไม่เคยนับ
ตอบ: แล้วในปีหนึ่งล่ะ ในชาติหนึ่งล่ะ ในกัปหนึ่งล่ะ ตลอดวัฏฏะสงสารล่ะ จำนวนกรรมที่สามสังขารผลิตทับซ้อนกัน โยงกับลูกกรรมบ้าง เจ้ากรรมบ้าง เกิดพร้อมกันบ้าง ไม่ได้เกิดพร้อมกันบ้าง บ่วงกรรมเหล่านั้นจึงถักสานเป็นความซับซ้อนที่สุดในจักรวาล
ถาม: เราจะเห็นบ่วงกรรมเหล่านั้นได้อย่างไร
ตอบ: เข้าอุเบกขาสมาธิ และน้อมจุตูปปาตญาณดูข่ายใยกรรมก็จะเห็นได้
ถาม: แล้วกรรมดีกับกรรมชั่วอยู่ด้วยกันไหม
ตอบ: กรรมดีหมดจดกับกรรมชั่วหมดจดแยกกันอยู่คนละบ่วง ส่วนกรรมดีผสมกรรมชั่ว กรรมชั่วผสมกรรมดี ที่ทำในวาระเดียวกัน อยู่ในบ่วงเดียวกัน
ถาม: กรรมดีผสมกรรมชั่วเช่นอะไร
ตอบ: เช่น ทำบุญเอาหน้า ให้นิดหน่อยเพื่อหวังประโยชน์ที่มากกว่าเกินความชอบธรรม ทำเพื่อส่วนรวมแต่ไม่เที่ยงธรรม ทำดีไปบ่นไป ทำดีไปหงุดหงิดรำคาญไป ทำชั่วไปสำนึกผิดไป ทำชั่วหนึ่งเพื่อจะทำดีที่ยิ่งกว่า เป็นต้น
ถาม: กรรมอันซับซ้อนเช่นนั้นให้คุณหรือให้โทษ
ตอบ: กรรมดีก็ตาม กรรมชั่วก็ตาม กรรมดีผสมกรรมชั่วก็ตาม ทำแล้วบันทึกไว้ในสัญญา ทำหน้าที่ปรุงแต่งสังขาร หากยังมีตัณหาอยากเป็นโน่นเป็นนี่ ก็จะพากรรมไปแต่งสังขารใหม่ สังขารใหม่จะดีก็ตาม ชั่วก็ตาม ทั้งดีและชั่วก็ตาม เกิดแล้วต้องแก่ เจ็บ ตายทุกชาติไป เป็นทุกข์ทุกชาติไป
ถาม: แล้วเราจะออกจากวงกตกรรมได้อย่างไร
ตอบ: ดับตัณหาอยากเป็นโน่นเป็นนี่เสียให้สิ้น ก็ไม่ต้องเกิดอีก ไม่เกิดอีก ก็ไม่มีสังขารให้กรรมปรุงแต่ง
ถาม: แล้วกรรมที่ทำไว้นานแสนนานจะไปอยู่ไหน
ตอบ: เป็นโมฆะกรรมไป เพราะไม่มีผู้สร้าง-ผู้รับ อีกต่อไป
ถาม: แจ่มแจ่ง แจ่มแจ้ง สาธุ สาธุ
ตอบ: บริสุทธิ์ บริสุทธิ์