Main navigation

เวสสันตรจริยา

ว่าด้วย
พระจริยาวัตรของพระเวสสันดร
เหตุการณ์
การบำเพ็ญทานบารมีของพระโพธิสัตว์เมื่อทรงเป็นพระเวสสันดร

นางกษัตริย์พระนามว่าผุสสดีพระชนนีของเรา พระนางเป็นมเหสีของท้าวสักกะ ในชาติที่ล่วงมาแล้ว ท้าวสักกะทรงเห็นว่าพระนางจะสิ้นอายุ จึงให้พร ๑๐ ประการแก่นาง

พระนางผุสสดีจุติจากดาวดึงส์แล้ว มาบังเกิดในตระกูลกษัตริย์ เป็นมเหสีของพระเจ้ากรุงสญชัย ในพระนครเชตุดร

เมื่อทรงลงสู่พระครรภ์ของพระนางผุสสดี พระมารดาเป็นผู้ยินดีในทานทุกเมื่อด้วยเดชของพระโพธิสัตว์ ทรงให้ทานแก่คนยากจน คนป่วยไข้ คนแก่ ยาจก คนเดินทาง สมณพราหมณ์ คนสิ้นเนื้อประดาตัว คนไม่มีอะไรเลย เมื่อครบ ๑๐ เดือน พระนางก็ประสูติพระเวสสันดรท่ามกลางถนนของพวกคนค้าขาย จึงมีชื่อว่า เวสสันดร

เมื่อทรงมีอายุ ๘ ปี นั่งอยู่ในปราสาท คิดเพื่อจะให้ทานว่า ท่านพึงให้หทัย จักษุ แม้เนื้อและเลือด พึงให้ทานทั้งกาย ถ้าใครได้ยินแล้ว พึงขอกะท่าน เมื่อท่านคิดถึงความเป็นจริง จิตของท่านไม่หวั่นไหว ไม่หดหู่

ในขณะนั้น แผ่นดินเขาสิเนรุราชและป่าหิมพานต์ได้หวั่นไหว

ในเดือนเต็มวันอุโบสถที่ ๑๕ ทรงให้ทานพราหมณ์ทั้งหลาย ชาวกาลิงคะได้มาหาท่าน และขอพระยาคชสารทรงที่ประกอบด้วยมงคลหัตถีเพราะชนบทฝนไม่ตก เกิดทุพภิกขภัย อดอยากมากมาย

ใจของท่านยินดีในทาน เมื่อยาจกมาถึงแล้วการไม่ให้ ไม่สมควรแก่ท่าน ท่านได้ให้พระยาคชสารแก่พราหมณ์

เมื่อให้พระยามงคลคชสาร แผ่นดินเขาสิเนรุราชและป่าหิมพานต์ก็ได้หวั่นไหว

ชาวพระนครสีพีพากันโกรธเคือง ขับไล่ท่านจากแว่นแคว้นไปยังภูเขาวงกต เมื่อชาวพระนครเหล่านั้นขับไล่อยู่ จิตของท่านไม่หวั่นไหว ไม่หดหู่ ท่านได้ขอพรอย่างหนึ่งกับชาวสีพีเพื่อจะยังมหาทานให้เป็นไป

เมื่อท่านให้ทานอยู่ เสียงดังกึกก้องไปว่า ชาวพระนครสีพีขับไล่พระเวสสันดรนี้เพราะให้ทาน พระองค์ยังจะให้ทานอีก ท่านได้ให้ช้าง ม้า รถ ทาสี ทาส แม่โค ทรัพย์ ครั้นให้มหาทานแล้ว ก็ออกจากพระนครไป

ครั้นออกจากพระนครแล้ว กลับผินหน้ามาเหลียวดู ในกาลนั้น แผ่นดินเขาสิเนรุราชและป่าหิมพานต์ก็หวั่นไหว

ท่านให้ม้าสินธพ ๔ ตัว และรถ แล้วยืนอยู่ที่ทางใหญ่ ๔ แยก ผู้เดียวไม่มีเพื่อนสอง ท่านให้พระนางมัทรีเทวีให้อุ้มกัณหากุมารีิเพราะเป็นน้องคงเบากว่า ท่านอุ้มพ่อชาลี เพราะเป็นพี่คงจะหนัก ได้เสด็จดำเนินไปตามทางอันขรุขระและราบเรียบไปยังเขาวงกต

ต้นไม้มีผลทั้งหลายที่สูงใหญ่ เห็นพระกุมารกุมารีทรงกรรแสงก็โน้มยอดลงมาหาพระกุมารและพระกุมารีด้วยเดชแห่งพระเวสสันดร เทวดาทั้งหลายได้ย่นทางให้ ด้วยความเอ็นดูพระกุมารกุมารี

ในวันที่ท่านออกจากพระนครสีพี ทั้ง ๔ ได้ไปถึงเจตรัฐ ในกาลนั้น พระราชาหกหมื่นองค์ในพระนครมาตุละต่างก็พากันร้องไห้มาหา เมื่อโอรสพระเจ้าเจตราชเหล่านั้นกลับแล้ว ก็ได้ไปยังเขาวงกต

ท้าวสักกะรับสั่งให้วิสสุกรรมเทพบุตรไปเนรมิตบรรณศาลาอย่างสวยงามสำหรับเป็นอาศรม

ทั้ง ๔ คน มาถึงป่าใหญ่อันเงียบ ไม่เกลื่อนกล่นด้วยฝูงชน อยู่ในบรรณศาลา ณ เชิงเขา

เมื่อท่านอยู่ในป่าใหญ่ ชูชกพราหมณ์เดินเข้ามาขอบุตรทั้งสอง ความร่าเริงเกิดขึ้นแก่ท่านเพราะได้เห็นยาจกเข้ามาหา ท่านได้พาบุตรทั้งสองมาให้แก่พราหมณ์

เมื่อท่านสละบุตรทั้งสองให้แก่ชูชกพราหมณ์ ในกาลนั้น แผ่นดินเขาสิเนรุราชและป่าหิมพานต์ก็หวั่นไหว

ท้าวสักกะทรงแปลงเพศเป็นพราหมณ์เสด็จลงจากเทวโลกมาขอนางมัทรี ท่านมีความดำริแห่งใจอันเลื่อมใส ได้ให้พระนางมัทรีแก่พราหมณ์นั้น เมื่อเราให้พระนางมัทรี หมู่เทวดาพลอยยินดี ในกาลนั้น แผ่นดินเขาสิเนรุราชและป่าหิมพานต์ก็หวั่นไหว

ท่านสละพ่อชาลีแม่กัณหาและพระนางมัทรี ไม่คิดถึงเลย เพราะเหตุแห่งโพธิญาณ

ท่านจะเกลียดบุตรทั้งสองหรือพระนางมัทรีก็หามิได้ แต่สัพพัญญุตญาณเป็นที่รักของท่าน ฉะนั้น ท่านให้บุตรและภรรยาผู้เป็นที่รัก

เมื่อพระมารดาและพระบิดาเสด็จมา ทรงกรรแสงสะอึกสะอื้น ตรัสถามถึงสุขทุกข์กันอยู่ ท่านได้เข้าเฝ้าพระมารดาและพระบิดาทั้งสองผู้เป็นที่เคารพด้วยหิริและโอตตัปปะ ในกาลนั้น แผ่นดินเขาสิเนรุราชและป่าหิมพานต์ก็หวั่นไหว

เมื่อท่านกับบรรดาพระญาติออกจากป่าใหญ่เข้าสู่พระนครเชตุดร มหาเมฆยังฝนแก้ว ๗ ประการให้ตกลง

แม้ในกาลนั้นแผ่นดินเขาสิเนรุราชและป่าหิมพานต์ก็หวั่นไหว

แม้แผ่นดินนี้ไม่มีจิตใจไม่รู้สุขและทุกข์ก็หวั่นไหวถึง ๗ ครั้ง เพราะกำลังแห่งทานของท่าน

 

อ่าน เวสสันตรจริยา

อ้างอิง
เวสสันตรจริยา พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๓๓ ข้อที่ ๙ หน้า ๓๗๖-๓๘๑
ชุดที่
ลำดับที่
10

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ