Main navigation

นิสสัคคิยปาจิตตีย์_สิกขาบทที่ ๔

ว่าด้วย
การให้ภิกษุณีซักจีวรเก่า
เหตุการณ์
ท่านพระอุทายีกับปุราณาทุติยิกาของท่านพระอุทายีที่บวชเป็นภิกษุณีได้ไปหากันเสมอ ๆ วันหนึ่งท่านพระอุทายีมีความกำหนัด ได้เพ่งดูองค์กำเนิดของนาง อสุจิได้เคลื่อนจากองค์กำเนิดโดนจีวร นางรับจีวรไปซัก เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงทราบเรื่องได้บัญญัติสิกขาบทห้ามการให้ภิกษุณีผู้มิใช่ญาติให้ซักจีวรเก่า

สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี  ปุราณาทุติยิกาของท่านพระอุทายี บวชอยู่ในสำนักภิกษุณี นางมายังสำนักท่านพระอุทายีเสมอ แม้ท่านพระอุทายีก็ไปยังสำนักภิกษุณีนั้นเสมอ เช้าวันหนึ่ง ท่านพระอุทายี เข้าไปหาภิกษุณีนั้นถึงสำนัก ครั้นแล้วนั่งบนอาสนะ เปิดองค์กำเนิดเบื้องหน้าภิกษุณีนั้น แม้ภิกษุณีนั้นก็นั่งบนอาสนะ เปิดองค์กำเนิดเบื้องหน้าท่านพระอุทายี ท่านพระอุทายีมีความกำหนัด ได้เพ่งดูองค์กำเนิดของนาง อสุจิได้เคลื่อนจากองค์กำเนิด ท่านพระอุทายีได้บอกให้นางไปหาน้ำมาเพื่อจะซักผ้าอันตรวาสก แต่นางให้ท่านส่งผ้ามานางจะซักให้ นางได้ดูดอสุจินั้นของท่านส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งได้สอดเข้าไปในองค์กำเนิด ทำให้นางได้ตั้งครรภ์

ภิกษุณีทั้งหลายได้พูดกันว่าภิกษุณีรูปนี้มิใช่พรหมจารินี ภิกษุณีรูปนี้จึงมีครรภ์ แต่นางตอบว่านางเป็นพรหมจารินีและเล่าเรื่องให้ฟัง

ภิกษุณีทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ทำไมท่านพระอุทายีจึงได้ให้ภิกษุณีซักจีวรเก่า แล้วแจ้งความนั้นแก่ภิกษุทั้งหลาย

บรรดาภิกษุผู้มักน้อย สันโดษ มีความละอาย มีความรังเกียจ ผู้ใคร่ต่อสิกขา ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาแล้วกราบทูล เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค

พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถามท่านพระอุทายี เมื่อได้ความว่าได้ให้ภิกษุณีซักจีวรเก่าจริง และนางเป็นไม่ได้เป็นญาติของท่านพระอุทายี

พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า

การกระทำของท่านพระอุทายีไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร ไม่ใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ บุรุษที่มิใช่ญาติย่อมไม่รู้การกระทำอันสมควรหรือไม่สมควร การกระทำอันน่าเลื่อมใสหรือไม่น่าเลื่อมใสของสตรีที่มิใช่ญาติ เมื่อเป็นเช่นนั้น ยังให้ภิกษุณีผู้มิใช่ญาติซักจีวรเก่าได้ การกระทำนั่นไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว โดยที่แท้ การกระทำนั่น เป็นไปเพื่อความไม่เลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส และเพื่อความเป็นอย่างอื่นของชนบางพวกที่เลื่อมใสแล้ว

พระผู้มีพระภาคทรงติเตียนท่านพระอุทายี โดยอเนกปริยายดังนี้แล้ว ตรัสโทษแห่งความเป็นคนเลี้ยงยาก ความเป็นคนบำรุงยาก ความเป็นคนมักมาก ความเป็นคนไม่สันโดษ ความคลุกคลี ความเกียจคร้าน ตรัสคุณแห่งความเป็นคนเลี้ยงง่าย ความเป็นคนบำรุงง่าย ความมักน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลา ความกำจัด อาการที่น่าเลื่อมใส การไม่สะสม การปรารภความเพียร โดยอเนกปริยาย ทรงกระทำธรรมีกถาที่สมควรแก่เรื่องนั้น ที่เหมาะสมแก่เรื่องนั้น แก่ภิกษุทั้งหลาย แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า

เพราะเหตุนั้น พระองค์จักบัญญัติสิกขาบทแก่ภิกษุทั้งหลาย อาศัยอำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ คือ

เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์ ๑ 
เพื่อความสำราญแห่งสงฆ์ ๑ 
เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก ๑
เพื่ออยู่สำราญแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ๑ 
เพื่อป้องกันอาสวะอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๑
เพื่อกำจัดอาสวะอันจักบังเกิดในอนาคต ๑ 
เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ๑ 
เพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ๑ 
เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม ๑ 
เพื่อถือตามพระวินัย ๑

พระองค์ทรงพระบัญญัติสิกขาบทนี้ ดังนี้

ภิกษุใดยังภิกษุณีผู้มิใช่ญาติให้ซักก็ดี ให้ย้อมก็ดี ให้ทุบก็ดี ซึ่งจีวรเก่า เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์

 

 

อ่าน จีวรวรรค สิกขาบทที่ ๔

 

 

อ้างอิง
นิสสัคคิยปาจิตตีย์ จีวรวรรค สิกขาบทที่ ๔ พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒ ข้อที่ ๔๒-๔๕
ลำดับที่
8

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ

พระธรรมวินัย

ธรรมวินัย