นิสสัคคิยปาจิตตีย์_สิกขาบทที่ ๗
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ท่านพระฉัพพัคคีย์ เข้าไปหาภิกษุทั้งหลายผู้ถูกชิงจีวรไป ให้ขอจีวรต่อพ่อเจ้าเรือนและแม่เจ้าเรือน ผู้ไม่ใช่ญาติ เมื่อภิกษุเหล่านั้นบอกว่าได้ขอมาแล้ว พระฉัพพัคคีย์ได้กล่าวว่าเพื่อประโยชน์ท่านทั้งหลายให้ขอแก่เจ้าเรือนทั้งหลายอีก ภิกษุเหล่านั้นยินยอม พระฉัพพัคคีย์ได้จีวรมาเป็นอันมาก
ครั้งนั้น บุรุษทั้งหลายในชุมชนเมื่อทราบว่าต่างก็ได้ถวายจีวรแก่ภิกษุผู้ถูกชิงจีวร จึงพากันเพ่งโทษ ติเตียนโพนทะนาว่า ไฉนพระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตร จึงไม่รู้จักประมาณ ขอจีวรมามากมาย จักทำการค้าผ้า หรือจัดตั้งร้านขายผ้า ภิกษุผู้มักน้อย สันโดษ มีความละอาย ได้ยินคำโพนทะนา แล้วกราบทูลแด่พระผู้มีพระภาค
ด้วยเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ทรงรับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ ทรงสอบถาม แล้วทรงติเตียนว่า การกระทำนั้นไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร ไม่ใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ ไฉนพวกเธอจึงไม่รู้จักประมาณ ขอจีวรมาไว้มากมายเล่า
การกระทำนั้นไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่ง ของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว โดยที่แท้การกระทำนั้น เป็นไปเพื่อความไม่เลื่อมใส ของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส และเพื่อความเป็นอย่างอื่นของชนบางพวกที่เลื่อมใสแล้ว
แล้วตรัสโทษแห่งความเป็นคนเลี้ยงยาก ความเป็นคนมักมาก ความเป็นคนไม่สันโดษ ความคลุกคลี ความเกียจคร้าน ตรัสคุณแห่งความเป็นคนเลี้ยงง่าย ความมักน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลา อาการที่น่าเลื่อมใส การไม่สะสม การปรารภความเพียรโดยอเนกปริยาย แล้วทรงกระทำธรรมีกถาที่สมควรแก่เรื่องนั้น ที่เหมาะสมแก่เรื่องนั้น
เพราะเหตุนั้น ทรงบัญญัติสิกขาบทแก่ภิกษุทั้งหลายอาศัยอำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ คือ
เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์ ๑
เพื่อความสำราญแห่งสงฆ์ ๑
เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก ๑
เพื่ออยู่สำราญแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ๑
เพื่อป้องกันอาสวะอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๑
เพื่อกำจัดอาสวะอันจักบังเกิดในอนาคต ๑
เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ๑
เพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ๑
เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม ๑
เพื่อถือตามพระวินัย ๑
แล้วทรงบัญญัติสิกขาบทว่า
ถ้าพ่อเจ้าเรือนก็ดี แม่เจ้าเรือนก็ดี ผู้มิใช่ญาติ ปวารณาต่อภิกษุนั้นด้วยจีวรเป็นอันมาก เพื่อนำไปได้ตามใจ ภิกษุนั้นพึงยินดีจีวร มีอุตราสงค์ อันตรวาสกเป็นอย่างมาก จากจีวรเหล่านั้น ถ้ายินดียิ่งกว่านั้น เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์