นิสสัคคิยปาจิตตีย์_สิกขาบทที่ ๙
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน เขตพระนครสาวัตถี
ครั้งนั้น บุรุษสองคนกล่าวกันว่าจะนิมนต์พระอุปนันทศากยบุตรให้ครองจีวร พระอุปนันทศากยบุตรได้กำหนดชนิดจีวรที่จะใช้ครอง เพราะจีวรที่ไม่ใช้ แม้นิมนตน์ให้ครอง ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
บุรุษทั้งสองจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตร มักมาก ไม่สันโดษ จะให้จีวรก็ทำได้ไม่ง่าย ไฉนจึงได้เข้ามากำหนดชนิดจีวรกับเราผู้ไม่ได้ปวารณาไว้ก่อน
ภิกษุผู้มักน้อย สันโดษ มีความละอาย ได้ยินคำโพนทะนาแล้ว กราบทูลแด่พระผู้มีพระภาค
ด้วยเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ทรงรับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ ทรงสอบถาม แล้วทรงติเตียนว่าการกระทำนั้นไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร ไม่ใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ คนที่มิใช่ญาติย่อมไม่รู้การกระทำอันสมควรหรือไม่สมควร ของที่มีอยู่หรือไม่มีของคนที่มิใช่ญาติ เขาทั้งหลายไม่ได้ปวารณาไว้ก่อน ยังเข้าไปหาพ่อเจ้าเรือนผู้มิใช่ญาติ แล้วกำหนดชนิดจีวร
การกระทำนั้นไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว โดยที่แท้การกระทำของเธอนั้นเป็นไปเพื่อความไม่เลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส และเพื่อความเป็นอย่างอื่นของชนบางพวกที่เลื่อมใสแล้ว
แล้วตรัสโทษแห่งความเป็นคนเลี้ยงยาก ความเป็นคนมักมาก ความเป็นคนไม่สันโดษ ความคลุกคลี ความเกียจคร้าน ตรัสคุณแห่งความเป็นคนเลี้ยงง่าย ความมักน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลา อาการที่น่าเลื่อมใส การไม่สะสม การปรารภความเพียรโดยอเนกปริยาย แล้วทรงกระทำธรรมีกถาที่สมควรแก่เรื่องนั้น ที่เหมาะสมแก่เรื่องนั้น
ทรงบัญญัติสิกขาบทแก่ภิกษุทั้งหลายอาศัยอำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ คือ
เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์ ๑
เพื่อความสำราญแห่งสงฆ์ ๑
เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก ๑
เพื่ออยู่สำราญแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ๑
เพื่อป้องกันอาสวะอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๑
เพื่อกำจัดอาสวะอันจักบังเกิดในอนาคต ๑
เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ๑
เพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ๑
เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม ๑
เพื่อถือตามพระวินัย ๑
แล้วทรงบัญญัติสิกขาบทว่า
มีพ่อเจ้าเรือนก็ดี แม่เจ้าเรือนก็ดี ผู้มิใช่ญาติสองคน ตระเตรียมทรัพย์สำหรับจ่ายจีวรคนละผืนไว้เฉพาะภิกษุว่า “เราทั้งหลายจักซื้อจีวรคนละผืน ด้วยทรัพย์ค่าจีวรคนละผืนนี้ แล้วนิมนต์ภิกษุชื่อนี้ให้ครองจีวรหลายผืน” ถ้าภิกษุนั้นอันพวกเขาไม่ได้ปวารณาไว้ก่อน เข้าไปหา แล้วกำหนดชนิดจีวรในสำนักของเขาว่า “ดีละ ขอท่านทั้งหลายจงรวมกันซื้อจีวรเช่นนั้น หรือเช่นนี้ ด้วยทรัพย์เป็นค่าจีวรคนละผืนนี้ แล้วนิมนต์ให้อาตมาครองเถิด” เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์
เพราะอาศัยความเป็นผู้ใคร่ในจีวรดี
อ่าน นิสสัคคิยปาจิตตีย์ สิกขาบทที่ ๙