Main navigation

สังฆาทิเสส สิกขาบทที่ ๑๒

ว่าด้วย
ภิกษุเป็นคนว่ายาก
เหตุการณ์
เหตุแรกเกิดให้พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติสิกขาบทว่าด้วย การเป็นคนที่ว่ากล่าวตักเตือนไม่ได้

ท่านพระฉันนะประพฤติมารยาทอันไม่สมควร ภิกษุทั้งหลายกล่าวตักเตือนท่านฉันนะว่า อย่าได้กระทำอย่างนี้ ประพฤติดังนี้ไม่ควร พระฉันนะกล่าวตอบว่า พวกท่านสำคัญว่าเราเป็นผู้ที่ท่านควรว่ากล่าวกระนั้นหรือ เราต่างหากควรว่ากล่าวพวกท่าน เพราะพระพุทธเจ้าก็ของเรา พระธรรมก็ของเรา พระลูกเจ้าของเราตรัสรู้ธรรมแล้ว

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบว่า พระฉันนะถูกว่ากล่าวตักเตือนโดยชอบธรรมแล้ว ยังทำตัวให้เป็นคนที่ว่ากล่าวตักเตือนไม่ได้ พระผู้มีพระภาคจึงทรงบัญญัติสิกขาบท ว่าดังนี้

ภิกษุเป็นผู้มีสัญชาติแห่งคนว่ายาก อันภิกษุทั้งหลายว่ากล่าวตักเตือนโดยชอบธรรมในสิกขาบททั้งหลายอันเนื่องในอุเทศ ทำตนให้เป็นผู้อันใคร ๆ ว่ากล่าวไม่ได้ด้วยกล่าวโต้ว่า พวกท่านอย่าได้กล่าวอะไรต่อเรา เป็นคำดีก็ตาม เป็นคำชั่วก็ตาม แม้เราก็จักไม่กล่าวอะไร ๆ ต่อพวกท่านเหมือนกัน เป็นคำดีก็ตาม เป็นคำชั่วก็ตาม ขอพวกท่านจงเว้นจากการว่ากล่าวเราเสีย

ภิกษุนั้นอันภิกษุทั้งหลายพึงว่ากล่าวอย่างนี้ว่า ท่านอย่าได้ทำตนให้เป็นผู้อันใคร ๆ ว่ากล่าวไม่ได้ ขอท่านจงทำตนให้เขาว่ากล่าวได้แล แม้ท่านก็จงว่ากล่าวภิกษุทั้งหลายโดยชอบธรรม แม้ภิกษุทั้งหลายก็จักว่ากล่าว ท่านโดยชอบธรรม เพราะว่าบริษัทของพระผู้มีพระภาคนั้น เจริญแล้วด้วยอาการอย่างนี้ คือ ด้วยว่ากล่าวซึ่งกันและกัน ด้วยเตือนกันและกันให้ออกจากอาบัติแล

ภิกษุนั้นอันภิกษุทั้งหลายว่ากล่าวอยู่อย่างนี้ ยังยกย่องอยู่อย่างนั้นเทียว ภิกษุนั้นอันภิกษุทั้งหลายพึงสวดสมนุภาสน์กว่าจะครบสามจบเพื่อให้สละกรรมนั้นเสีย หากเธอถูกสวดสมนุภาสน์กว่าจะครบสามจบอยู่ สละกรรมนั้นเสีย สละได้อย่างนี้ นั่นเป็นการดี หากเธอไม่สละเสีย เป็นสังฆาทิเสส



อ่าน สังฆาทิเสส สิกขาบทที่ ๑๒
 

อ้างอิง
สังฆาทิเสส สิกขาบทที่ ๑๒ พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑​ ข้อที่ ๖๐๗ หน้า ๗๒๒-๗๒๔
ลำดับที่
18

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ

พระธรรมวินัย

ธรรมวินัย