ธรรมทั้งปวงไม่ควรถือมั่น
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เมื่อได้ฟังว่า
ธรรมทั้งปวงไม่ควรถือมั่น
เมื่อได้ฟังแล้ว รู้ชัดธรรมทั้งปวงด้วยปัญญาอันยิ่ง
เมื่อรู้ชัดธรรมทั้งปวงด้วยปัญญาอันยิ่งแล้ว กำหนดรู้ธรรมทั้งปวง
เมื่อกำหนดรู้ธรรมทั้งปวงแล้ว ได้เสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง สุขก็ดี ทุกข์ก็ดี มิใช่สุข มิใช่ทุกข์ก็ดี
ย่อมพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงในเวทนาเหล่านั้น
พิจารณาเห็นความคลายกำหนัด
พิจารณาเห็นความดับ
พิจารณาเห็นความสละคืน
เมื่อพิจารณาเห็นอย่างนั้น ๆ อยู่ ย่อมไม่ยึดมั่นอะไร ๆ ในโลก
เมื่อไม่ยึดมั่น ย่อมไม่สะดุ้ง
เมื่อไม่สะดุ้ง ย่อมปรินิพพานเฉพาะตัวทีเดียว
ย่อมรู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
โดยย่อด้วยข้อปฏิบัติเพียงเท่านี้ ภิกษุจึงเป็นผู้หลุดพ้นแล้วเพราะสิ้นตัณหา มีความสำเร็จล่วงส่วน เป็นผู้เกษมจากโยคะล่วงส่วน เป็นพรหมจารีล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วน ประเสริฐกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย