รัตนะจงกรมกัณฑ์
ท้าวสหัมบดีพรหมทูลอาราธนาพระผู้มีพระภาคว่า สัตว์ทั้งหลายผู้มีกิเลสธุลีในนัยน์ตาน้อย มีอยู่ในโลกนี้ ขอพระผู้มีพระภาคได้ทรงโปรดอนุเคราะห์แสดงธรรมแก่หมู่สัตว์นี้เถิด
พระผู้มีพระภาคทรงเกิดความกรุณาในสัตว์ทั้งปวง ได้ตรัสว่า สัตว์เหล่าใดเงี่ยโสตลงฟัง ปล่อยศรัทธาเราจะเปิดประตูอมตนิพพานแก่สัตว์เหล่านั้น ทรงสำคัญไปว่าจะลำบากเปล่า จึงไม่กล่าวธรรมมีคุณอันละเอียดประณีตในหมู่มนุษย์
พระผู้มีพระภาคผู้ประเสริฐกว่ามุนีจะทรงอนุเคราะห์เวไนยสัตว์ เสด็จจากไม้อัชปาลนิโครธ เสด็จถึงพระนครพาราณสี ทรงประทับบนบัลลังก์อันประเสริฐนั้น และทรงประกาศธรรมจักร คือ ทุกข์เหตุให้เกิดทุกข์ ความดับทุกข์ มรรคอันสูงสุดแก่ปัญจวัคคีย์
พระผู้มีพระภาคทรงประกาศธรรมจักรนั้นแล้ว ฤาษีปัญจวัคคีย์เหล่านั้น คือ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ พร้อมด้วยหมู่เทวดาและพรหม ๑๘ โกฏิ ได้ธรรมาภิสมัยในสันติบาตครั้งแรก
ทรงแนะนำปัญจวัคคีย์พร้อมด้วยหมู่พรหมและเทวดา ๑๘ โกฏิ ให้วิเศษตามลำดับด้วยพระธรรมเทศนาอย่างอื่น ทรงยังหมู่พรหมและเทวดาให้ได้โสดาปัตติผลในสันติบาตนั้น แล้วเสด็จไปยังกรุงราชคฤห์
พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันมหาวิหาร พระเจ้าพิมพิสารได้ทรงสดับดังนั้น ได้เสด็จไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค มีบริวารเป็นอันมากประมาณ ๑๑ นหุต พระเจ้าพิมพิสารทรงบูชาพระผู้มีพระภาคด้วยประทีป ของหอม ธูปและดอกไม้ เป็นต้น ในสมาคมนั้น พระผู้มีพระภาคทรงแสดงกามาทีนวกถา ในเวลาจบเทศนา ธรรมาภิสมัยได้มีแก่สัตว์ ๘๔,๐๐๐ มีพระราชาเป็นประมุข
พระพุทธบิดาได้ทรงสดับข่าวนั้น ทรงส่งทูตไป ๙ นายทูตเหล่านั้นพร้อมด้วยบริวาร ๙,๐๐๐ ทูลขอบรรพชา ทูตเหล่านั้นและบริวาร ๙,๐๐๐ ได้บรรลุอรหัต
ครั้งสุดท้าย กาฬุทายีอำมาตย์กับบริวาร ๑,๐๐๐ ถือเพศภิกษุแล้ว กราบทูลเชิญพระผู้มีพระภาค เสด็จไปพร้อมด้วยภิกษุสองหมื่น พระองค์เสด็จถึงกรุงกบิลพัสดุ์ ได้ทรงกระทำปาฏิหาริย์ที่ใกล้ฝั่งแม่น้ำโรหิณี ประทับนั่ง ณ ท่ามกลางบัลลังก์นั้น ทรงแสดงมหาเวสสันตรชาดกธรรมเทศนาแก่พระพุทธบิดา ธรรมาภิสมัยได้มีแก่สัตว์ ๘๔,๐๐๐
ทรงนิรมิตที่จงกรมอันประดับด้วยรัตนะในนภากาศ ภุมมเทวดา เทวดาชั้นมหาราชิกา ชั้นดาวดึงส์ ชั้นยามา ชั้นดุสิต ชั้นนิมมานรดี ชั้นปรนิมมิตสวัตดี และเทวดาที่นับเนื่องในหมู่พรหม ต่างก็ยินดี ได้พากันส่งเสียงอื้ออึง แผ่นดินพร้อมด้วยเทวโลกสว่างไสว ความมืดทึบได้หายไป พรหมพร้อมทั้งเทวดาคนธรรพ์มนุษย์และรากษส ได้เห็นปาฏิหาริย์อันอัศจรรย์แล้ว กล่าวว่า รัศมีอันสว่างจ้า ได้เกิดขึ้นแล้วในโลกนี้และในโลกอื่น ทั้งเบื้องล่างเบื้องบน และเบื้องขวาง ส่วนกว้าง พระศาสดาผู้อุดมกว่าสัตว์ไม่มีใครประเสริฐ ทรงแสดงปาฏิหาริย์อันน่าอัศจรรย์ (ในสมาคมนั้น พระศาสดาเสด็จเหาะขึ้นในนภาแล้ว ทรงนิรมิตขุนเขาสิเนรุให้เป็นที่จงกรมอันน่ารื่นรมย์ ทวยเทพในหมื่นโลกธาตุมาประชุมกัน ถวายนมัสการพระผู้มีพระภาคแล้ว กระทำพุทธบูชา)
ในกาลนั้น พระศาสดาทรงพิจารณาเห็นประโยชน์ดีแล้ว จึงทรงนิรมิตที่จงกรมเรียบร้อยสวยงามประดับด้วยรัตนะ ทรงมีความชำนาญในปาฏิหาริย์ ๓ อย่าง คือ อิทธิปาฏิหาริย์ อาเทศนาปาฏิหาริย์ และอนุศาสนีปาฏิหาริย์ ทรงแสดงขุนเขาสิเนรุที่สูงสุดในหมื่นโลกธาตุ เป็นเสาเรียงตามลำดับในที่จงกรมอันสำเร็จด้วยรัตนะ ทรงนิรมิตที่จงกรมเกินกว่าพันที่ ล้วนแต่สำเร็จด้วยทองคำไว้รอบข้างรัตนะจงกรม ทรงนิรมิตแผ่นกระดานทองคำติดอยู่ตามขื่อและเต้า ทรง-นิรมิตไพรทองคำไว้ที่ข้างทั้งสอง รัตนะจงกรมที่ทรงนิรมิตเกลื่อนไปด้วยแก้วมณีแก้วมุกดาและทรายสว่างไสวไปทั่วทิศ
พระชินสัมพุทธเจ้ามีลักษณะอันประเสริฐ ๓๒ ประการ ทรงเปล่งพระรัศมีรุ่งเรือง เสด็จจงกรมอยู่บนรัตนะจงกรมนั้น ทวยเทพทั้งปวงที่มาประชุมกันต่างก็โปรยปรายดอกมณฑารพ ดอกปทุม ดอกปาริชาตทิพย์ลงในที่จงกรม หมู่เทพในหมื่นจักรวาลได้เห็นเช่นนั้นจึงมาประชุมกันต่างก็ยินดี ร่าเริง เบิกบานใจหมอบลงถวายนมัสการ
ทวยเทพชั้นดาวดึงส์ ชั้นยามา ชั้นดุสิต ชั้นนิมมานรดี และชั้นปรนิมมิตวสวัตดีได้เห็นพระศาสดาผู้เป็นนายกของโลกต่างก็มีจิตเบิกบานโสมนัส
พวกนาค ครุฑ หรือแม้กินนร พร้อมด้วยเทวดาคนธรรพ์ มนุษย์และรากษส ต่างก็ได้เห็นพระศาสดา เหมือนดวงจันทร์ที่ขึ้นไปในนภากาศ ฉะนั้น
อาภัสสรพรหม สุภกิณหพรหม เวหัปผลพรหมและอกนิฏฐพรหมนุ่งผ้าขาวล้วน ยืนประนมอัญชลี ต่างก็โปรยดอกมณฑารพ ๕ สี อันเจือด้วยกระแจะจันทน์และพากันโบกผ้าอยู่ในอัมพร
เทพบุตรและเทพกัญญา ต่างก็เลื่อมใสมีใจยินดีพากันบูชาพระนราสภด้วยดอกไม้ ๕ สี
หมู่เทพเจ้าได้เห็นพระศาสดา ต่างก็เลื่อมใสมีใจยินดีพากันบูชาพระนราสภด้วยดอกไม้ ๕ สี สรรสริญพระผู้มีพระภาค เหล่าเทวดาได้ความสำเร็จประโยชน์ยั่งยืน ขณะปรากฏแก่ตนแล้วเพราะได้ฟังว่าพุทโธ
พระผู้มีพระภาคไม่มีใครเสมอด้วยพระรูป ศีล สมาธิ และปัญญาของพระองค์ในการประกาศธรรมจักร ไม่มีใครเสมอด้วยวิมุตติ กำลังกายของนาค ๑๐ นาค เป็นพระกำลังกายปกติของพระองค์ ไม่มีใครเสมอด้วยกำลังพระฤทธิ์ของพระองค์
ท่านทั้งหลายจงนมัสการพระมหามุนีผู้ประกอบด้วยคุณสมบัติทุกอย่าง ทรงประกอบด้วยองค์คุณทั้งปวง มีพระกรุณา เป็นนาถะของโลก ควรแก่การอภิวาท การชมเชย การไหว้ การสรรเสริญ การนมัสการ และการบูชา
พระสารีบุตรผู้มีปัญญามาก เป็นผู้ฉลาดในสมาธิและฌาน สถิต ณ เขาคิชฌกูฏ ได้เห็นพระผู้มีพรถภาค มองดูพระนราสภงาม แวดล้อมด้วยรัศมีด้านละวา พระสารีบุตรได้นิมนต์พระภิกษุขีณาสพ ๕๐๐ รูป ให้มาประชุมกันในขณะนั้น กล่าวว่าพระผู้มีพระภาคทรงแสดงปาฏิหาริย์อันจะยังโลกให้เลื่อมใส แม้เราทั้งหลายก็จักไปถวายบังคมพระองค์ในที่นั้น จักทูลถามพระผู้มีพระภาคให้พระองค์บรรเทาความสงสัยให้
พระสารีบุตรแวดล้อมด้วยภิกษุเหล่านั้นเข้าไปเฝ้าด้วยฤทธิ์ เปรียบเหมือนเทวดาลอยมาในอากาศ พระสารีบุตรผู้มีปัญญามาก เสมอเหมือนโลกพิภพ ฉลาดในสมาธิและฌาน ถวายบังคมพระศาสดา
พระโมคคัลลานะผู้มีฤทธิ์มาก ไม่มีใครเสมอด้วยกำลังฤทธิ์ พระมหากัสสปเถระ ผู้พระศาสดาทรงชมเชยสรรญเสริญตั้งไว้ว่าเป็นยอดในธุดงคคุณ พระอนุรุทธเถระผู้เป็นเจ้าคณะใหญ่ เลิศกว่าบรรดาภิกษุผู้มีจักษุทิพย์เป็นพระญาติผู้ประเสริฐของพระผู้มีพระภาคสถิตอยู่ไม่ไกล พระอุบาลีเถระผู้ฉลาดในอาบัติ อานาบัติ สเตกิจฉา พระศาสดาทรงสรรเสริญตั้งไว้ว่าเป็นผู้เลิศในฝ่ายวินัย พระเถระผู้เป็นบุตรของนางมันตานี ชื่อปุณณะ ผู้แทงตลอดอรรถธรรมอันสุขุมละเอียดประเสริฐกว่าภิกษุผู้เป็นธรรมกถึก
พระผู้มีพระภาคทรงทราบวาระจิตของท่านเหล่านั้นแล้วจึงตรัสพระคุณของพระองค์ว่า
ชนเหล่าใดไม่รู้สัตตนิกาย โอกาส และจักรวาลอันไม่มีที่สิ้นสุดในสี่อสงไขยโกฏิได้ ชนเหล่านั้นก็ไม่สามารถจะรู้พระพุทธญาณอันไม่มีเปรียบได้ การแสดงฤทธิ์นี้ จะอัศจรรย์อะไรในโลก ความอัศจรรย์อันไม่เคยมี
ในกาลที่ทรงอยู่ในชั้นดุสิต ทรงชื่อว่าสันดุสิต เทวดาในหมื่นจักรวาลมาเชิญว่า เวลานี้เป็นกาลสมควรที่ท่านจะเกิดในครรภ์พระมารดา ของเชิญตรัสรู้อมตบทช่วยรื้อขนสัตว์พร้อมด้วยเทวดาให้ข้ามเถิด
เมื่อทรงจุติจากสวรรค์ชั้นดุสิตลงสู่ครรภ์ แผ่นดินในหมื่นโลกธาตุย่อมหวั่นไหว
เมื่อทรงมีความรู้สึกตัวประสูติจากครรภ์พระมารดานั้น ทวยเทพในหมื่นโลกธาตุเปล่งเสียงสาธุการหวั่นไหว
ในการลงสู่ครรภ์ประสูติและออกบวชไม่มีใครเสมอ ทรงเป็นผู้ประเสริฐสุดในกาลตรัสรู้และในการประกาศธรรมจักร ความอัศจรรย์มีในโลกเพราะพระพุทธเจ้ามีคุณมาก หมื่นโลกธาตุหวั่นไหว ๖ ครั้ง มีรัศมีสว่างจ้า
ก็สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคทรงจงกรมด้วยฤทธิ์ แสดงให้โลกพร้อมทั้งเทวโลกเห็นพระศาสดาผู้เป็นนายกของโลก เสด็จจงกรมอยู่ ณ ที่จงกรมนั่นเอง
พระสารีบุตรผู้มีปัญญามากในสมาธิและฌาน ถึงความบริบูรณ์ด้วยปัญญาได้ทูลถามพระศาสดาว่า อภินิหารของพระองค์เช่นไร พระองค์ทรงปรารถนาพระโพธิญาณอันอุดมในกาลไร ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐานะ เมตตา และอุเบกขาเป็นเช่นไร บารมี ๑๐ เป็นอย่างไร อุปบารมี ๑๐ และปรมัตถบารมี ๑๐ บริบูรณ์อย่างไร
พระศาสดาผู้มีพระสุรเสียงไพเราะดังนกการะเวกอันพระสารีบุตรทูลถามแล้ว ทรงพยากรณ์ให้เย็นใจ และทรงยังโลกพร้อมทั้งเทวโลกให้ยินดี
พระศาสดาทรงประกาศประโยชน์แก่โลก ที่พระพุทธเจ้าในอดีตทรงแสดงไว้ ทรงชมเชย อันพระพุทธเจ้าทรงนำสืบ ๆ กันมาด้วยพระพุทธญาณที่ไปตามปุพเพนิวาสญาณ ในโลกพร้อมทั้งเทวโลกว่า ท่านทั้งหลายจงทำจิตให้เกิดปีติและปราโมทย์ ให้บรรเทาลูกศร คือ ความโศก ให้ได้สมบัติทั้งปวงแล้ว จงฟังเรา
ท่านทั้งหลายจงดำเนินไปตามมรรค บรรเทาความโศก เปลื้องตนจากสงสาร เป็นที่สิ้นทุกข์ทั้งปวงโดยความเคารพเถิด
อ่าน รัตนะจงกรมกัณฑ์