สุเมธกถา
ในสี่อสงไขยแสนกัป มีพระนครหนึ่งชื่อว่าอมรนคร พระโพธิสัตว์เป็นพราหมณ์นามว่า สุเมธ อยู่ในครอมรวดี ได้สั่งสมโภคทรัพย์ไว้หลายโกฏิ มีทรัพย์สมบัติมากมาย เป็นผู้เล่าเรียน ทรงมนต์รู้จบไตรเพท ถึงความสำเร็จในตำราทำนายลักษณะและคัมภีร์อิติหาสะ
เพื่อแสวงหานิพพานอันไม่แก่ไม่ตาย จึงได้สละทรัพย์หลายร้อยโกฏินั้นแก่คนไม่มีที่พึ่งและคนอนาถา แล้วเข้าไปยังภูเขาหิมวันต์ บำเพ็ญความเพียรอยู่ในที่นั่งและที่จงกรม บรรลุอภิญญาและพละภายใน ๗ วัน
สุเมธดาบสออกจากฌานแล้ว เหาะไป เห็นชนทั้งหลายช่วยกันแผ้วถางทางสำหรับเดินจึงทราบว่า พระพุทธชินเจ้าพระนามว่า ทีปังกร เสด็จอุบัติขึ้นแล้วในโลก แล้วดำริว่าจะปลูกพืชคือบุญลงในที่นี้ แล้วขอโอกาสจากชนทั้งหลายขอช่วยแผ้วถางทางเสด็จดำเนิน เมื่อแผ้วทางยังไม่ทันเสร็จ พระมหามุนีทีปังกรชินเจ้ากับพระขีณาสพสี่แสน ผู้ได้อภิญญา ๖ ก็เสด็จมาถึง
สุเมธดาบสสยายผม เอาผ้าคากรองและหนังสัตว์ลาดลงบนเปือกตม นอนคว่ำลง ณ ที่นั้น ด้วยคิดว่า พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสาวกจงทรงเหยียบเราเสด็จไปเถิด อย่าทรงเหยียบเปือกตมนั้นเลย ข้อนั้นจักเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่เรา เมื่อสุเมธดาบสนอนอยู่ที่พื้นดิน ได้มีความคิดอย่างนี้ว่า
เรามิได้ปรารถนาว่า วันนี้พระพุทธเจ้าพึงทรงเผากิเลสของเรา ประโยชน์อะไรแก่เราด้วยการ ทำให้แจ้งซึ่งธรรม ณ ที่นี้ เราพึงบรรลุสัพพัญญุตญาณ เปลื้องหมู่สัตว์พร้อมทั้งเทวดาให้หลุดพ้นเถิด
พระพุทธทีปังกรทรงประทานพยากรณ์แก่สุเมธดาบสว่าชฎิลดาบส ผู้มีตบะอันรุ่งเรืองนี้ จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลกในกัปอันประมาณมิได้แต่กัปนี้
พระพุทธทีปังกรทรงประกาศกรรมของสุเมธดาบสแล้ว สาวกของพระพุทธทีปังกรที่อยู่ ณ ที่นั้น ได้ทำประทักษิณสุเมธดาบสทุก ๆ องค์ เทวดา มนุษย์ อสูร ยักษ์ ก็อภิวาทแล้วพากันกลับไป
สุเมธดาบสลุกขึ้นจากการนอนบนเปลือกตมแล้ว นั่งเข้าสมาธิอยู่ สำราญใจด้วยความสุข คิดว่า ตนเป็นผู้มีความชำนาญในฌาน ถึงที่สุดแห่งอภิญญาในหมื่นโลกธาตุ ฤาษีผู้เสมอตน ไม่มี ผู้เสมอตนในฤทธิ์ ไม่มี
ขณะที่สุเมธดาบสเข้าสมาธิอยู่ เทวดาผู้สถิตอยู่ในหมื่นจักรวาลพากันเปล่งเสียงกึกก้องว่า ท่านผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้าแน่ นิมิตใดที่เคยปรากฏในขณะที่พระโพธิสัตว์ในปางก่อนนั่งเข้าสมาธิอันประเสริฐ นิมิตเหล่านั้นปรากฏในวันนี้
สุเมธดาบสได้ฟังพระพุทธดำรัสและคำของเทวดาในหมื่นโลกธาตุแล้วก็ยินดี ร่าเริง เบิกบานใจ คิดว่า พระพุทธชินเจ้ามีพระวาจาไม่เป็นสอง พระพุทธเจ้าไม่ตรัสคำไม่จริง ตนจักได้เป็นพระพุทธเจ้าแน่
แล้วจึงค้นหาพุทธการกธรรมตลอดทั่วธรรมธาตุ พิจารณาเห็นบารมี ๑๐ คือ ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยะบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี อุเบกขาบารมี เป็นธรรมอันเป็นเครื่องบ่มโพธิญาณ เมื่อสุเมธดาบสพิจารณาเห็นธรรมเหล่านี้ พร้อมทั้งภาวะ กิจของตนและลักษณะ พื้นพสุธาในหมื่นจักรวาลก็หวั่นไหวด้วยเดชแห่งธรรม ปฐพีส่งเสียงร้อง
ในเวลานั้น สุเมธดาบสยึดพระพุทธคุณ ทำใจมั่นคง ถวายนมัสการพระพุทธทีปังกร แล้วลุกจากอาสนะ ทวยเทพและหมู่มนุษย์ก็พากันเอาดอกไม้ทิพย์และดอกไม้มนุษย์โปรยปราย อวยชัยให้พรว่า
ท่านปรารถนาภูมิอันใหญ่หลวง ขอให้ท่านได้ภูมินั้นตามปรารถนาเถิด เสนียดจัญไรทั้งปวงจงอย่ามี ความโศกและโรคจงอย่ามี อันตรายจงอย่ามีแก่ท่าน ขอให้ท่านได้บรรลุโพธิญาณอันอุดมเร็วพลัน
สุเมธดาบสสมาทานธรรม ๑๐ ประการ เข้าป่าใหญ่เพื่อบำเพ็ญธรรม ๑๐ ประการ ให้บริบูรณ์
อ่าน สุเมธกถา