สุมนพุทธวงศ์ที่ ๔
ในสมัยต่อมาจากพระพุทธมงคล มีพระพุทธเจ้าพระนามว่าสุมนะ ไม่มีใครเสมอเหมือนโดยธรรมทั้งปวง
พระชาติ
ทรงเป็นกษัตริย์โดยพระชาติของนครชื่อว่า เมขลนคร
พระชนกพระนามว่า สุทัตตะ
พระชนนีพระนามว่า สิริมา
พระมเหสีพระนามว่า วฏังสกี
พระราชโอรสพระนามว่า อนูปโม
มีพระสนมนารีกำนัลใน ๖,๓๐๐,๐๐๐ นาง
มีปราสาทอันประเสริฐ ๓ ปราสาท ชื่อว่า จันทะ สุจันทะ และวฏังสะ
ทรงครองเรือนอยู่ ๙,๐๐๐ ปี
ออกบวช บำเพ็ญเพียร ตรัสรู้ และประกาศธรรมจักร
พระองค์ทรงเห็นนิมิต ๔ ประการแล้ว เสด็จออกผนวชด้วยพระยาคชสารยานพระที่นั่งต้น ทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ ๑๐ เดือนเต็ม ก็ได้ตรัสรู้พระสัมโพธิญาณ
เมื่อพรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระธรรมจักร ณ เมขลนคร
ธรรมาภิสมัย ๓ วาระ
ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๑ ทรงยังเทวดาและมนุษย์ให้ตรัสรู้ ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ
ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๒ ทรงแสดงธรรมตรัสสอนหมู่เดียรถีย์ เทวดาและมนุษย์ได้ตรัสรู้ ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ
ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๓ เหล่าเทวดาและมนุษย์ร่วมใจกันทูลถามปัญหานิโรธ ทรงแสดงธรรมเครื่องแสดงนิโรธ ครั้งนั้น ธรรมาภิสมัยได้มีแก่เทวดาและมนุษย์ ๙๐,๐๐๐ โกฏิ
ประชุมพระสาวก ๓ ครั้ง
ครั้งที่ ๑ ในวันสังฆปวารณา พระพุทธเจ้าทรงปวารณาพร้อมด้วยพระสาวก ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ
ครั้งที่ ๒ พระสาวกมาประชุมกัน ๙๐,๐๐๐ โกฏิ
ครั้งที่ ๓ ท้าวสักกเทวราชเสด็จเข้าเฝ้าเพื่อทรงเยี่ยมพระพุทธเจ้า พระสาวกมาประชุมกัน ๘๐,๐๐๐ โกฏิ
บุคคลสำคัญ
พระอัครสาวก : พระสรณเถระ และพระภาวิตัตตเถระ
พระอุปัฏฐาก : พระอุเทนเถระ
พระอัครสาวิกา : พระโสณาเถรีและพระอุปโสณาเถรี
อัครอุปัฏฐาก : วรุณอุบาสกและสรณอุบาสก
อุปัฏฐายิกา : จาลาอุบาสิกาและอุปจาลาอุบาสิกา
ไม้โพธิพฤกษ์
ต้นกากะทิง
พระชนมายุ พระวรกาย และพระรัศมี
ทรงมีพระชนมายุ ๙๐,๐๐๐ ปี
สูง ๙๐ ศอก
มีพระรัศมีเปล่งปลั่งดังทองคำ ส่องสว่างจ้าไปในหมื่นโลกธาตุ
เสด็จนิพพาน
พระสุมนพุทธเจ้าเสด็จนิพพาน ณ อังคาราม
พระสถูปของพระองค์สูง ๔ โยชน์ ประดิษฐานอยู่ ณ อังคารามนั้น
พระพุทธพยากรณ์พระโคตมพุทธเจ้า
สมัยนั้น พระพุทธเจ้าโคดมเป็นพญานาคราชมีฤทธิ์มาก ชื่อว่า อตุละ
พระองค์พร้อมด้วยหมู่ญาติออกจากนาคพิภพ เอาดนตรีทิพย์ไปบรรเลงบูชาพระสุมนพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์ ถวายข้าวน้ำให้พระสงฆ์สาวกแสนโกฏิ ถวายผ้าเฉพาะรูปละคู่ ได้เข้าถึงพระสุมนพุทธเจ้าและพระสงฆ์เป็นสรณะ
พระสุมนพุทธเจ้าทรงประทานพยากรณ์ว่า ผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก
พญานาคอตุละยังจิตให้เลื่อมใสอย่างยิ่ง อธิษฐานวัตรในการบำเพ็ญบารมีให้ยิ่งขึ้นไป
อ่าน สุมนพุทธวงศ์ที่ ๔