อัตถทัสสีพุทธวงศ์ที่ ๑๔
ในมัณฑกัปนั้น มีพระพุทธเจ้าผู้มียศมากนามว่าอัตถทัสสี ทรงกำจัดความมืดใหญ่ออก
พระชาติ
ทรงเป็นกษัตริย์โดยพระชาติของนครชื่อว่า โสภณะ
พระชนกพระนามว่า สาคระ
พระชนนีพระนามว่า พระนางสุทัสนา
พระมเหสีพระนามว่า วิสาขา
พระราชโอรสพระนามว่า เสละ
มีพระสนมนารีกำนัลใน ๓๓,๐๐๐ นาง
มีปราสาทอันประเสริฐ ๓ ปราสาท ชื่อ อมรคิ สุรคิ และคิริพาหนะ
ทรงครองเรือนอยู่ ๑๐,๐๐๐ ปี
ออกบวช บำเพ็ญเพียร ตรัสรู้ และประกาศธรรมจักร
พระองค์ทรงเห็นนิมิต ๔ ประการแล้ว เสด็จออกผนวชด้วยอัสวราชยาน ทรงบำเพ็ญเพียรอยู่ ๘ เดือนเต็ม ก็ได้ตรัสรู้พระสัมโพธิญาณ
พรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศธรรมจักร ณ อโนมอุทยาน
ธรรมาภิสมัย ๓ วาระ
ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๑ ทรงประกาศพระธรรมจักร ธรรมาภิสมัยได้มีแก่สัตว์ ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ
ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๒ ทรงแสดงธรรมเมื่อเสด็จจาริกไปในเทวโลก ธรรมาภิสมัยได้มีแก่ทวยเทพ ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ
ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๓ ทรงแสดงธรรมในสำนักพระพุทธบิดา ธรรมาภิสมัยได้มีแก่สัตว์ ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิ
ประชุมพระสาวก ๓ ครั้ง
ครั้งที่ ๑ พระภิกษุขีณาสพมาประชุมกัน ๙๘,๐๐๐
ครั้งที่ ๒ พระภิกษุขีณาสพมาประชุมกัน ๘๘,๐๐๐
ครั้งที่ ๓ พระภิกษุขีณาสพมาประชุมกัน ๗๘,๐๐๐
บุคคลสำคัญ
พระอัครสาวก : พระสันตเถระและพระอุปสันตเถระ
พระอุปัฏฐาก : พระอภัยเถระ
พระอัครสาวิกา : พระธรรมาเถรีและสุธรรมาเถรี
อัครอุปัฏฐาก : นกุลอุบาสกและนิสภอุบาสก
อุปัฏฐายิกา : มกิลาอุบาสิกาและสุนันทาอุบาสิกา
ไม้โพธิพฤกษ์
ต้นจำปา
พระชนมายุ พระวรกาย และพระรัศมี
ทรงมีพระชนมายุ ๑๐๐,๐๐๐ ปี
สูง ๘๐ ศอก
ทรงสง่างามดังพญารัง เหมือนพระจันทร์เต็มดวง
มีพระรัศมีหลายร้อยเป็นปกติ แผ่ไปหนึ่งโยชน์ทั้งเบื้องบนเบื้องต่ำ ทั้งทิศน้อยทิศใหญ่ทุกเมื่อ
เสด็จนิพพาน
พระอัตถทัสสีพุทธเจ้าเสด็จนิพพาน ณ อโนมอุทยาน
พระพุทธพยากรณ์พระโคตมพุทธเจ้า
สมัยนั้น พระพุทธเจ้าโคดมเป็นชฎิล มีตบะอันรุ่งเรือง ชื่อว่า สุสิมะ ประชาชนยกย่องว่าเป็นผู้ประเสริฐสุดในแผ่นดิน
ได้นำดอกมณฑารพ ดอกประทุม ดอกปาริชาตอันเป็นทิพย์จากเทวโลกมาบูชาพระสัมพุทธเจ้า
พระอัตถทัสสีพุทธเจ้าทรงประทานพยากรณ์ว่า ใน ๑,๘๐๐ กัป ผู้นี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก
เมื่อได้ฟังพระพุทธพยากรณ์นั้นแล้ว ก็มีใจยินดีโสมนัส ได้อธิษฐานวัตรในการบำเพ็ญบารมี ๑๐ ประการให้ยิ่งขึ้นไป