Main navigation

รัศมีของเทวดา

Q ถาม :

ท่านพระอภิยะกัจจานะได้สอบถามท่านพระอนุรุทธะว่า พวกเทวดาที่มีรัศมี เป็นผู้มีรัศมีเล็กน้อยหรือ หรือว่ามีบางพวกในพวกนั้นมีรัศมีหาประมาณมิได้

A พระสาวกสมัยพุทธกาล ตอบ :

พระอนุรุทธะกล่าวกับช่างไม้ชื่อปัญจกังคะว่า

การเข้าถึงภพนี้มี ๔ อย่าง คือ

ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ น้อมใจแผ่ไปสู่อารมณ์มีแสงสว่างเล็กน้อยอยู่ เธอตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของ เทวดาพวกมีรัศมีเล็กน้อย

แต่บางรูปน้อมใจแผ่ไปสู่อารมณ์มีแสงสว่างหาประมาณมิได้อยู่ เธอตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของ เทวดาพวกมีรัศมีหาประมาณมิได้

บางรูปน้อมใจแผ่ไปสู่อารมณ์มีแสงสว่างเศร้าหมองอยู่ เธอตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของ เทวดาพวกมีรัศมีเศร้าหมอง

แต่บางรูปน้อมใจแผ่ไปสู่อารมณ์มีแสงสว่างบริสุทธิ์อยู่ เธอตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของ เทวดาพวกมีรัศมีบริสุทธิ์

นี้แล การเข้าถึงภพ ๔ อย่าง

สมัยที่พวกเทวดาประชุมร่วมกัน เทวดาเหล่านั้นย่อมปรากฏมีสีกายต่างกัน แต่ไม่ปรากฏมีรัศมีต่างกัน

เปรียบเหมือนบุรุษตามประทีปน้ำมันมากดวงเข้าไปสู่เรือนหลังหนึ่ง ประทีปน้ำมันเหล่านั้นปรากฏมีเปลวต่างกัน แต่ไม่ปรากฏมีแสงสว่างต่างกัน ฉันใด ฉันนั้นเหมือนกันแล สมัยที่พวกเทวดาประชุมร่วมกัน เทวดาเหล่านั้น ย่อมปรากฏมีสีกายต่างกัน แต่ไม่ปรากฏมีรัศมีต่างกัน

สมัยที่พวกเทวดาแยกกันจากที่ประชุม เทวดาเหล่านั้นย่อมปรากฏมีสีกายต่างกัน และมีรัศมีต่างกัน

เปรียบเหมือนบุรุษนำประทีปน้ำมันมากดวงออกจากเรือนหลังนั้น ประทีปน้ำมันเหล่านั้นปรากฏมีเปลวต่างกันและมีแสงสว่างต่างกัน ฉันใด ฉันนั้นเหมือนกันแล สมัยที่พวกเทวดาแยกกันจากที่ประชุม เทวดาเหล่านั้นย่อมปรากฏมีสีกายต่างกันและมีรัศมีต่างกัน

เทวดาเหล่านั้นย่อมไม่มีความดำริอย่างนี้เลยว่าสิ่งนี้ของพวกเราเที่ยง หรือยั่งยืน หรือแน่นอน แต่ว่าเทวดาเหล่านั้นย่อมอภิรมย์เฉพาะแดนที่ตนอยู่อาศัยนั้น ๆ

เปรียบเหมือนแมลงที่เขานำไปด้วยหาบหรือตะกร้า ย่อมไม่มีความดำริอย่างนี้ว่า หาบหรือตะกร้านี้ของพวกเราเที่ยง หรือยั่งยืน หรือแน่นอน แต่ว่าแมลงเหล่านั้นย่อมอภิรมย์เฉพาะแหล่งที่ตนอยู่อาศัยนั้น ๆ ฉันนั้น

 

เมื่อท่านพระอนุรุทธะกล่าวแล้วอย่างนี้ ท่านพระอภิยะกัจจานะได้กล่าวกะท่านพระอนุรุทธะดังนี้ว่า

ข้าแต่ท่านพระอนุรุทธะผู้เจริญ ที่ท่านพยากรณ์นั้นดีละ แต่ในเรื่องนี้ มีข้อที่กระผมจะพึงสอบถามให้ยิ่งขึ้นไป คือ

พวกเทวดาที่มีรัศมีนั้นทั้งหมดเป็นผู้มีรัศมีเล็กน้อยหรือ หรือว่ามีบางพวกในพวกนั้นมีรัศมีหาประมาณมิได้

ท่านพระอนุรุทธะตอบท่านกัจจานะว่า

โดยหลักแห่งการอุปบัตินั้นแล เทวดาบางพวกมีรัศมีเล็กน้อย แต่บางพวกมีรัศมีหาประมาณมิได้

พระอภิยะกัจจานะได้ถามพระอนุรุทธะต่อไปว่า

ข้าแต่ท่านพระอนุรุทธะผู้เจริญ

อะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บรรดาเทวดาที่เข้าถึงหมู่เทวดาหมู่เดียวกันแล้วเหล่านั้น บางพวกมีรัศมีเล็กน้อย แต่บางพวกมีรัศมีหาประมาณมิได้

พระอนุทรุทธะตอบโดยย้อนถามพระอภิยะกัจจานะกลับไปว่า

ภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปสู่โคนไม้แห่งหนึ่งว่าเป็นแดนมหัคคตะอยู่

ภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปสู่โคนไม้สองแห่งหรือสามแห่งว่าเป็นแดนมหัคคตะอยู่

ภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปสู่เขตบ้านแห่งหนึ่งว่าเป็นแดนมหัคคตะอยู่

ภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปสู่เขตบ้านสองแห่งหรือสามแห่งว่าเป็นแดนมหัคคตะอยู่

ภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปสู่มหาอาณาจักรหนึ่งว่าเป็นแดนมหัคคตะอยู่

ภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปสู่มหาอาณาจักรสองหรือสามมหาอาณาจักรว่าเป็นแดนมหัคคตะอยู่

ภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปตลอดปฐพีมีสมุทรเป็นขอบเขตว่าเป็นแดนมหัคคตะอยู่

บรรดาจิตตภาวนาของภิกษุเหล่านี้ จิตตภาวนาอย่างไหนเป็นมหัคคตะยิ่งกว่ากัน

ท่านพระอภิยะกัจจานะตอบพระอนุรุทธะว่า

จิตตภาวนาของภิกษุรูปที่น้อมใจแผ่ไปตลอดปฐพีมีสมุทรเป็นขอบเขตว่าเป็นแดนมหัคคตะอยู่ นี้เป็นมหัคคตะยิ่ง

ดูกรท่านกัจจานะ นี้แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บรรดาเทวดาที่เข้าถึงหมู่เทวดาหมู่เดียวกันแล้วเหล่านั้น บางพวกมีรัศมีเล็กน้อย แต่บางพวกมีรัศมีหาประมาณมิได้

 

ท่านพระอภิยะกัจจานะได้ถามพระอนุรุทธะต่อไปว่า

ข้าแต่ท่านพระอนุรุทธะผู้เจริญ ที่ท่านพยากรณ์นั้นดีละ แต่ในเรื่องนี้ มีข้อที่กระผมจะพึงสอบถามให้ยิ่งขึ้นไป คือ

พวกเทวดาที่มีรัศมีนั้นทั้งหมดเป็นผู้มีรัศมีเศร้าหมองหรือ หรือว่ามีบางพวกในพวกนั้นมีรัศมีบริสุทธิ์

ท่านพระอนุรุทธะตอบว่า โดยหลักแห่งการอุปบัตินั้นแล เทวดาในพวกนี้บางพวกมีรัศมีเศร้าหมอง แต่บางพวกมีรัศมีบริสุทธิ์

ท่านพระอภิยะกัจจานะได้ถามพระอนุรุทธะต่อไปว่า

อะไรหนอแลเป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บรรดาเทวดา ที่เข้าถึงหมู่เทวดาหมู่เดียวกันแล้วเหล่านั้น บางพวกมีรัศมีเศร้าหมอง แต่บางพวกมีรัศมีบริสุทธิ์

พระอนุรุทธะตอบว่า

ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ น้อมใจแผ่ไปสู่อารมณ์มีแสงสว่างเศร้าหมองอยู่ ไม่ระงับความชั่วหยาบทางกายให้ดี ไม่ถอนถีนมิทธะให้ดี ทั้งไม่กำจัดอุทธัจจกุกกุจจะให้ดี ย่อมรุ่งเรืองอย่างริบหรี่ ๆ เพราะมิได้ระงับความชั่วหยาบทางกายให้ดี มิได้ถอนถีนมิทธะให้ดี ทั้งไม่กำจัดอุทธัจจกุกกุจจะให้ดี ตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาพวกมีรัศมีเศร้าหมอง

เปรียบเหมือนประทีปน้ำมันติดไฟอยู่ มีทั้งน้ำมันทั้งไส้ไม่บริสุทธิ์ ประทีปน้ำมันนั้นย่อมติดไฟอย่างริบหรี่ ๆ เพราะทั้งน้ำมันทั้งไส้ไม่บริสุทธิ์

ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ น้อมใจแผ่ไปสู่อารมณ์มีแสงสว่างบริสุทธิ์อยู่ ระงับความชั่วหยาบทางกายได้ดี ถอนถีนมิทธะได้ดีทั้งกำจัดอุทธัจจกุกกุจจะได้ดี ย่อมรุ่งเรืองอย่างไม่ริบหรี่ เพราะระงับความชั่วหยาบทางกายได้ดี ถอนถีนมิทธะได้ดี ทั้งกำจัดอุทธัจจกุกกุจจะได้ดี ตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาพวกมีรัศมีบริสุทธิ์

เปรียบเหมือนประทีปน้ำมันติดไฟอยู่ มีทั้งน้ำมัน ทั้งไส้บริสุทธิ์ ประทีปน้ำมันนั้นย่อมติดไฟอย่างไม่ริบหรี่ เพราะทั้งน้ำมันทั้งไส้บริสุทธิ์

ดูกรท่านกัจจานะ นี้แลเป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บรรดาเทวดาที่เข้าถึงหมู่เทวดาหมู่เดียวกันแล้ว บางพวกมีรัศมีเศร้าหมอง บางพวกมีรัศมีบริสุทธิ์

 

เมื่อท่านพระอนุรุทธะกล่าวแล้วอย่างนี้ ท่านพระอภิยะกัจจานะได้กล่าวกะท่านพระอนุรุทธะดังนี้ว่า

ข้าแต่ท่านพระอนุรุทธะผู้เจริญ ที่ท่านพยากรณ์นั้นดีแล้ว เพราะท่านมิได้กล่าวอย่างนี้ว่า เราได้สดับมาอย่างนี้ หรือว่าควรจะเป็นอย่างนี้ แต่ท่านกล่าวว่า เทวดาเหล่านั้นเป็นแม้อย่างนี้ เป็นแม้ด้วยประการนี้

ข้าแต่ท่านผู้เจริญ กระผมนั้นมีความคิดอย่างนี้ว่า ท่านพระอนุรุทธะคงจะเคยอยู่ร่วม เคยเจรจาร่วม และเคยร่วมสนทนากับเทวดาเหล่านั้นเป็นแน่

ดูกรท่านกัจจานะ ท่านกล่าววาจาที่ควรนำเข้าไปยินดีนี้เหมาะแล แต่ผมจักพยากรณ์แก่ท่านบ้าง ดูกรท่านกัจจานะ ผมเคยอยู่ร่วม เคยเจรจาร่วม และเคยร่วมสนทนากับเทวดาเหล่านั้นมานานแล 

เมื่อท่านพระอนุรุทธะกล่าวแล้วอย่างนี้ ท่านพระอภิยะกัจจานะได้กล่าวกะช่างไม้ปัญจกังคะดังนี้ว่า

ดูกรคฤหบดี เป็นลาภของท่าน ท่านได้ดีแล้วที่ละเหตุแห่งความสงสัยข้อนั้นได้ เราทั้งสองคนก็ได้ฟังธรรมบรรยายนี้

 

ที่มา
อนุรุทธสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๔ ข้อที่ ๔๒๔-๔๓๖ หน้า ๒๒๔-๒๒๘

คำที่เกี่ยวข้อง :

เทวดา รัศมี ภพ แสงสว่าง