ความดีที่เราทำไว้ ไม่ช่วยตอนเราตายหรือ
เมื่อเราจะตายแล้ววางจิตไม่เป็น ความดีที่เราทำมาตลอดจะช่วยเราได้หรือไม่คะ
เคยมีคนถามพระพุทธเจ้าเหมือนกัน พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ว่า คนที่ทำความดีนั้นจะการันตีว่าต้องไปสู่สุคติโดยทันทีมิได้ คนที่ทำความชั่วมาโดยมากจะการันตีว่าไปทุคติโดยทันทีมิได้ เหตุที่ไม่ได้ก็เพราะว่ามีปัจจัยซึ่งเป็นตัวแปรอยู่ตัวหนึ่ง และเป็นปัจจัยที่สำคัญมากก็คืออาสันนกรรม อาสันนกรรมคือจิตสุดท้ายก่อนจะตาย พระพุทธเจ้ากล่าวว่าตอน “ขณะจะตายหากจิตเธอผ่องใสเป็นอันว่าสุคติเป็นอันหวังได้ หากเป็นทุกข์ ทุคติเป็นอันหวังได้” ดังนั้น จิตสุดท้ายเป็นจิตสำคัญที่สุดว่าตายแล้วจะไปไหน
ด้วยเหตุนี้ จิตสุดท้ายนี่แหละคือกรรมใหม่และเป็นจิตที่มีอานุภาพ เพราะมันกำลังจะ transit ไปสู่อีกมิติหนึ่ง หากเราทำความดีเยอะแต่จิตสุดท้ายไปห่วงลูกห่วงหลานจนเศร้าหมอง มันก็ไปตามจิตสุดท้ายก่อน เพราะมันเป็นจิต ณ ปัจจุบันขณะนั้น ความดีก็ไปอยู่ในกรุบัญชีความดีไป แม้คนที่ทำความชั่วก็เยอะแยะ พอจิตสุดท้ายเกิดศรัทธาเกิดปีติเกิดความสงบขึ้นมา ก็ไปตามจิตสุดท้ายก่อน
พระเจ้ามิลินท์ก็เคยถามพระนาคเสน พระนาคเสนท่านอธิบายอย่างนี้ว่า ถ้าเราทำความชั่วไว้เยอะเหมือนก้อนหิน แต่จิตสุดท้ายเหมือนเรือ ถ้าไม่มีเรือก้อนหินมันจะต้องพาลงอบายแน่ ๆ แต่พอมีเรือปุ๊บเรือมันรองรับก้อนหินไว้ ยังทำให้จิตใจลอยไปสู่สุคติได้ จิตสุดท้ายจึงสำคัญที่สุด ยกเว้นอนันตริยกรรมนี่แน่นอนเปลี่ยนแปลงไม่ได้ จิตสุดท้ายก็ช่วยไม่ได้ ต้องทนอย่างเดียว
ดังนั้น อย่าประมาทในศีล และฝึกจิตกันให้ชำนาญ ตั้งจิตสุดท้ายให้ดี และวิธีตั้งจิตสุดท้ายก็คือ ปล่อยวางเป็นชั้น ๆ น้อมสู่ความบริสุทธิ์ แต่ถ้าจะกันเหนียวที่สุดก็คือ ทำให้มันได้เป็นปกติของเรา หรือเข้ามรรคผลไว้ก่อนอันนี้ดีที่สุด ขึ้นข้างบนแน่นอน ไม่มีลงอบาย
แต่หากตั้งจิตไม่เป็น ก็หยุดการปรุงแต่งให้หมด หากไม่ปรุงจิตไปทางใด ความดีที่ใหญ่ที่สุดที่เคยทำมาในชีวิต จะมาช้อนวิญญาณขึ้น