Main navigation

สิ่งที่ดีที่สุดในศาสนาพุทธ

Q ถาม :

ตอนนี้คนรุ่นใหม่ GenY GenZ ประกาศไม่นับถือศาสนาอะไรเลยกันมาก และบ้างก็เปลี่ยนไปลองนับถือศาสนาอื่นดูบ้าง ท่านอาจารย์พอจะบอกได้ไหมครับว่า ศาสนาพุทธดีกว่าศาสนาอื่นอย่างไร จะได้ช่วยกันรักษาอนุชนไว้กับสิ่งที่ถูกที่ควร

A อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ :

ไม่แตะศาสนาอื่นได้ไหม ขอบอกแค่ศาสนาพุทธมีอะไรที่ดีที่สุดดีกว่า ส่วนใครจะนับถืออะไรเป็นสิทธิ์ในการเรียนรู้ทดลองของชีวิตแต่ละคน 

สิ่งที่ดีที่สุดในศาสนาพุทธมีมากมายเลย เขียนหนังสือได้หนึ่งเล่มใหญ่ วันนี้เอาย่อ ๆ พอสังเขปนะ


สิ่งที่ดีที่สุดในศาสนาพุทธ ๑ - เป็น Mission สวรรค์

เทวราชา พรหมราชา ผู้ปกครองสวรรค์ และพรหมทุกชั้น (ยกเว้น อรูปพรหมและอสัญญีพรหม ที่ทำกิจกรรมไม่ได้) มาประชุมพร้อมกันที่เทวสภา เห็นว่าบัดนี้โลกมนุษย์ควรมีพระศาสนาพาคนออกจากทุกข์ได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดจริงได้แล้ว จึงส่องตรวจไปทั่วจักรวาลว่า ใครมีบารมีบริบูรณ์ที่จะทำภารกิจยิ่งใหญ่นี้ได้ ก็พบว่าท้าวสันดุสิตเทวราชเป็นผู้มีบารมีบริบูรณ์พร้อมที่สุดในจักรวาล จึงพร้อมใจกันทูลเชิญท้าวสันดุสิตเทวราชมาเกิดเพื่อบรรลุธรรมและสถาปนาศาสนา พามนุษย์ เทวดา พรหม บรรลุธรรม พ้นทุกข์ถาวร

ดังนั้น ศาสนาพุทธเป็น Mission สวรรค์ เพื่อประโยชน์สุขของโลก


สิ่งที่ดีที่สุดในศาสนาพุทธ ๒ - สถาบันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นระบบสากล

เมื่อพระโพธิสัตว์สันดุสิตเทวราชตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว จึงทรงเห็นว่าในอดีตกาลก็เคยมีปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อนแล้ว ที่สวรรค์พรหมพร้อมใจกันอาราธนาผู้มีบารมีบริบูรณ์พร้อมมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปลดเปลื้องทุกข์ให้แก่สรรพจิตทั้งจักรวาล พระพุทธเจ้าในอดีตที่ทรงเห็นมากกว่า ๒ ล้านพระองค์ และทรงเอ่ยพระนามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าล่าสุดให้ทราบ ๒๘ พระองค์ พร้อมทรงบอกว่าแต่ละพระองค์เกิดที่ไหน สกุลอะไร บิดา-มารดา ชายา ชื่ออะไร ปฏิบัติกี่วันตรัสรู้ ตรัสรู้ที่ไหน ตรัสรู้แล้วทรงพามนุษย์เทวดาพรหมบรรลุธรรมได้จำนวนเท่าใด ทรงมีอัครสาวกชื่อใด อุปัฏฐากชื่อใด เป็นต้น

ดังนั้น สถาบันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นระบบสากลและต่อเนื่องเพื่อชาวโลกชาวจักรวาลอย่างแท้จริง ไม่ใช่กิจของใครคนใดคนหนึ่ง


สิ่งที่ดีที่สุดในศาสนาพุทธ ๓ - พระนิพพานอมตะ อยู่เหนือจักรวาลทั้งปวง 

ผู้บรรลุธรรมสูงสุดแล้วเรียกว่าพระอรหันต์ พระอรหันต์ทั้งหมดละขันธ์แล้วจะเข้าพระนิพพาน 

ณ พระนิพพาน ไม่มีดินน้ำลมไฟ (ของโลก) ไม่มีบุญ (ของสวรรค์) ไม่มีบาป (ของอบาย) ไม่มีอากาสานัญจายตนะ ไม่มีวิญญาณัญจายตนะ ไม่มีอากิญจัญญายตนะ ไม่มีเนวสัญญานาสัญญายตนะ (ของอรูปพรหม) ไม่มีความมืด ไม่มีแสงสว่าง ไม่มีดวงดาว (ของจักรวาล) ไม่มีเกิดแก่เจ็บตาย (ของสังขาร) มีแต่รู้ ตื่น เบิกบาน อันสุขอย่างยิ่งในว่างอย่างยิ่ง อมตะ

เคยมีภิกษุถามพระพุทธเจ้าว่า "จำนวนผู้เข้านิพพานแล้วมีประมาณเท่าใด"  

พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า "ประมาณไม่ได้"

ภิกษุนั่นถามต่อว่า "แล้วพระนิพพานจะเต็มหรือไม่"

พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า "แม้จะมีพระอรหันต์เข้านิพพานเท่าใด ก็ไม่ทำให้นิพพานเต็มหรือพร่องเลย"

นี่คือพระนิพพาน ตามที่พระพุทธองค์ทรงอธิบายเอง ใครยังไม่ถึงนิพพาน ก็เข้าสภาวะพระนิพพานตั้งเป็นเป้าหมายหลักไว้ และอย่าไปตีความตามความคิดของตนเอง เพราะหากเข้าใจเป้าหมายผิดไป ก็จะตั้งองศาการเดินทางผิด ศึกษามากแค่ไหน ปฏิบัติแค่ไหน ก็ไม่บรรลุผล 


สิ่งที่ดีที่สุดในศาสนาพุทธ ๔ - พระธรรมบริสุทธิ์บริบูรณ์ที่สุดในจักรวาล

ใครที่ศึกษาและปฏิบัติมาหลายศาสนา หลายศาสตร์ (พอดีเป็นหนึ่งในชนกลุ่มนี้) จะประจักษ์แจ้งว่า พระธรรมของพระพุทธเจ้าบริสุทธิ์บริบูรณ์ที่สุด

บริสุทธิ์ที่สุด เพราะ ๑) เป็นสัจจะล้วน ๆ  ๒) เป็นไปเพื่อความบริสุทธิ์ของสรรพจิตจริง ๓) ปฏิบัติตามแล้วได้ผลจริงตามนั้น ๔) นำถึงความอมตะ ที่สุดแห่งวิวัฒนาการจริง

บริบูรณ์ที่สุด เพราะ ๑) ครอบคลุมทุกมิติในความมีอยู่เป็นอยู่ ๒) ครอบคลุมทุกศาสตร์ที่มนุษย์เทวดาพรหมควรรู้ ๓) ละเอียดลึกซึ้งสุดประมาณ ใครอยากรู้ว่าลึกซึ้งแค่ไหน ศึกษาและปฏิบัติตามพระอภิธรรมจนจบมหาปัฏฐานดู จะทั้งทึ่ง ทั้งอึ้ง รอบแล้วรอบเล่า อาจกล่าวได้ว่า ไม่มีองค์ความรู้ใดในโลกใด ในศาสนาใด ในศาสตร์ใด บริบูรณ์เท่ากับพระธรรมของพระพุทธองค์เลย ย้ำ ต้องทั้งศึกษาและปฏิบัติตามนะ จึงจะแจ่มแจ้ง ถ้าแค่ศึกษาเพื่อให้สอบผ่านจะกลายเป็นนกแก้วนกขุนทองไป จะไม่ประจักษ์แจ้งสภาวะจริง

ด้วยเหตุที่พระธรรมของพระพุทธเจ้าบริสุทธิ์บริบูรณ์อย่างนี้ สวรรค์และพรหมจึงมีการเก็บรักษาพระธรรมไว้เป็นอย่างดี


สิ่งที่ดีที่สุดในศาสนาพุทธ ๕ - สร้างผู้บรรลุธรรมสู่ความบริสุทธิ์อมตะนับไม่ถ้วน

พระพุทธเจ้าทรงเคยแจกแจงให้ท่านพระอานนท์ฟังว่า หมู่บ้านนี้หรือเมืองนี้มีผู้บรรลุธรรมแต่ละระดับกี่ท่าน และในพระสูตรหลัก ๆ ก็ทรงบอกว่าเมื่อแสดงธรรมและกุลบุตรน้อมใจปฏิบัติตามแล้ว มีมนุษย์ เทพ พรหม บรรลุธรรมทั้งสิ้นกี่ท่าน ในตอนสรุปพระองค์ทรงบอกว่า มีจิตใจที่บรรลุธรรมเพราะคำสอนของพระองค์ประมาณมิได้ (มากเกินนับได้หมด) ซึ่งพระพุทธเจ้าส่วนใหญ่ก็ทรงทำได้เช่นนี้ มีเพียงไม่กี่พระองค์ที่ทำได้ไม่ถึง เพราะทรงปรินิพพานเร็วบ้าง เพราะไม่ทรงบัญญัติธรรมวินัยไว้บ้าง

ดังนั้น ศาสนาพุทธนำจิตใจสัตว์โลกทั่วจักรวาลสู่ความอมตะได้มากมายเกินประมาณ อย่างชนิดที่ไม่อาจหาในศาสนาอื่นได้
   

สิ่งที่ดีที่สุดในศาสนาพุทธ ๖ - มีระบบการยกระดับและชำระจิตใจอย่างหลากหลาย cover จิตทุกประเภท มีประสิทธิภาพสูงสำหรับทุกระดับผล

พระพุทธองค์ทรงสอนและนำปฏิบัติพัฒนาจิตใจอย่างหลากหลาย หลายร้อยวิธี (กรรมฐานสี่สิบนั้นเป็นเพียงวิธีพื้นฐาน) 

ผู้ที่ปฏิบัติตามพุทธวิธีที่พระพุทธเจ้าทรงสอนแล้ว บรรลุผลกันหลากระดับ เช่น

บ้างก็สำเร็จอรหันต์ พ้นทุกข์ถาวร เข้าถึงบรมสุขอันอมตะ

บ้างก็สำเร็จอนาคามี จะเข้าถึงบรมสุขอันอมตะในชาติถัดไป

บ้างก็สำเร็จสกทาคามี จะเข้าถึงบรมสุขอันอมตะ โดยจะเกิดในโลกนี้อีกแค่ครั้งเดียว

บ้างก็สำเร็จโสดาบัน จะเข้าถึงบรมสุขอันอมตะในอีกไม่เกินเจ็ดชาติถัดไป

บ้างก็ได้รับการฝึก การพยากรณ์ ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต

บ้างก็ได้รับการฝึก การพยากรณ์ ว่าจะเป็นอัครสาวกหรือมหาสาวกพระพุทธเจ้าในอนาคต

บ้างก็ชำนาญในอภิญญา ไปเกิดเป็นพรหมชั้นผู้ใหญ่

บ้างก็ชำนาญในความดีหมดจด ไปเกิดเป็นเทวดาชั้นผู้ใหญ่

บ้างก็ได้ทำบุญใหญ่ จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิในอนาคตกาล

ทั้งหมดที่ปฏิบัติพุทธวิธีของพระพุทธเจ้าจะได้จิตใจที่ดีขึ้น ปัญญามากขึ้น ฤทธิ์เยอะขึ้น สุขภาพดีขึ้น กรรมดีขึ้น ความสัมพันธ์ดีขึ้น การงานดีขึ้น

จะเห็นได้ว่า การปฏิบัติตามพุทธวิธีอย่างมีระบบ เป็นกระบวนการ ให้ผลดีทุกระดับอย่างที่ไม่มีศาสนาอื่นใดหรือศาสตร์อื่นใดในโลกให้ได้เท่าเลย

 
สิ่งที่ดีที่สุดในศาสนาพุทธ ๗ - มีกระบวนการแก้ปัญหาจิตใจที่รากเหง้าของปัญหาแท้จริง ประสิทธิผลจึงสูง

ศาสนาพุทธจะแก้ปัญหาจิตใจโดยเอารากเหง้าของปัญหาออกให้สิ้นเชื้อ ได้แก่ อวิชชา โลภะ โทสะ โมหะ อัตตา มานะ กิเลสนานา ตัณหานานา มิจฉาธรรมนานา จิตใจจึงหลุดพ้นจากปัญหาได้ขาดจริง ต่างจากศาสตร์อื่นที่เน้นศรัทธาให้มีที่ยึดเหนี่ยว ปลอบใจ ให้กำลังใจ สะกดจิต พลังกลุ่มบำบัด จึงได้ผลชั่วคราว เด็ดปัญหาไม่ขาด


สิ่งที่ดีที่สุดในศาสนาพุทธ ๘ - สร้างสังคมแห่งความเสมอภาค ภราดรภาพ สันติภาพ ที่พากันเจริญจริง 

ทั้งพระราชา ราชินี ราชนิกูล พราหมณ์ ชีเปลือย เศรษฐี ยาจก อาจารย์ ศิษย์ นักโทษ โจร โสเภณี พระพุทธองค์ก็ทรงสามารถทำให้บรรลุธรรมได้หมด เมื่อบรรลุธรรมแล้ว ทุกคนก็เสมอภาคกันโดยธรรมวินัย มีภราดรภาพ พากันเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้น อยู่กันด้วยความสงบสุข ปราศจากชั้นวรรณะ

แม้พระนางมหาปชาบดีโคตมี พระนางพิมพา พระอานนท์ พระอนุรุทธมาบวชแล้ว ก็ไม่มีคำสมมตินำหน้าว่า สมเด็จพระมหาปชาบดี สมเด็จพระนางพิมพา สมเด็จอานนท์ หรือมหาโจรองคุลีมาล อันเป็นสมมติของโลกเลย มีแต่ พระนางมหาปชาบดี พระนางพิมพา ท่านพระอานนท์ ท่านพระอนุรุทธ ท่านพระองคุลีมาล ท่านพระราหุล เป็นต้น เพราะทุกคนเสมอกันโดยธรรม และเพื่อป้องกันไม่ให้สักกายทิฏฐิเกิดขึ้น เพราะจะปิดกั้นโอกาสบรรลุธรรมไปเลย


สิ่งที่ดีที่สุดในศาสนาพุทธ ๙ - มีธรรมวินัยที่ยืดหยุ่น และมีระบบยุติธรรมที่เที่ยงธรรม

ในวินัยทุกข้อ พระพุทธองค์จะทรงบัญญัติหมวดอนาบัติ หรือกรณียกเว้นไว้ด้วยเสมอ เช่น ห้ามฉันอาหารยามวิกาล ยกเว้นภิกษุไข้ ภิกษุเดินทางไกล ภิกษุมีเวทนากล้าเสียดแทง เป็นต้น

การที่มีอนาบัติในทุกวินัย ทำให้ธรรมวินัยมีความยืดหยุ่นสูง มุ่งปฏิบัติเพื่อความเป็นอยู่ผาสุกและขัดเกลากิเลสจริง ไม่แข็งกระด้างเหมือนกฎหมายทางโลก ยิ่งบัญญัติกฎหมายอันแข็งกระด้างมามากเท่าใด ตัวกฎหมายเองกลายเป็นปัญหาต่อการพัฒนาบ้านเมืองเอง

นอกจากนั้น เวลามีปัญหาใดระหว่างกัน ก็ทรงให้ใช้คณะสงฆ์ร่วมกันหา solution เสมอ ไม่ให้ผู้ใดผู้หนึ่งตัดสินความคนเดียว

การลงโทษต่อความผิดที่เกิดขึ้นจริง ก็เป็นไปเพื่อการแก้นิสัยกันจริง ๆ ตั้งแต่ห้ามปราม-ตักเตือน-ไม่ร่วมสังฆกรรมด้วย-ให้เข้าปริวาส สำนึกผิดยอมเปลี่ยนนิสัยใหม่-ออกจากวัด กระทั่งออกจากศาสนาไป หากร้ายแรงเกินแก้ไขจริง ๆ


สิ่งที่ดีที่สุดในศาสนาพุทธ ๑๐ - สร้างอารยธรรมแห่งความสงบสุขในโลกอย่างแท้จริง

หากมีวัฒนธรรมธรรมเนียมใดในโลกเป็นมิจฉาธรรม พระองค์ก็ทรงแก้ไขให้ เช่น พระเจ้าปเสนทิโกศลจะจัดงานบูชามหายัญ ให้หาโค ๕๐๐ ม้า ๕๐๐ แพะ ๕๐๐ เพื่อฆ่าบูชามหายัญตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมายาวนาน พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดพระเจ้าปเสนทิโกศลว่าการทำเช่นนี้ไม่ใช่มหายัญ แต่กลับจะทำให้บ้านเมืองแย่ยิ่งขึ้น การทำมหายัญที่ถูกต้องตามอริยธรรม (อารยธรรม) คือหาสัตว์เหล่านั้น พบแล้วให้ดูแลอย่างดี การทำเช่นนี้จึงจะทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง และอีกหลายเรื่อง

ทรงปฏิรูปวัฒนธรรมโลกสู่อารยธรรมแห่งความเจริญอย่างสงบสุขแท้จริง ซึ่งทุกศาสตร์ในโลกไม่สามารถทำได้


สิ่งที่ดีที่สุดในศาสนาพุทธ ๑๑ - แม้พระศาสนาจะเสื่อมไปจากโลกมนุษย์แล้ว แต่ยังคงมีอยู่บนสวรรค์และพรหมโลกอย่างมั่นคง

ความเป็นพระพุทธศาสนาจะคงอยู่เมื่อมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พร้อม ครบรัตนตรัยจึงเป็นพระศาสนา

พุทธานุภาพ เป็นอจินไตย ประมาณมิได้ อมตะตลอดกาลอยู่แล้ว อยู่ที่ใครจะเข้าถึงได้หรือไม่เท่านั้น เมื่อมนุษย์ในโลกเข้าถึงไม่ได้แล้ว ชาวสวรรค์ชาวพรหมยังเข้าถึงได้อยู่

ธรรมานุภาพ ก็ไร้ประมาณ ประสิทธิผลขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์บริบูรณ์แห่งพระธรรม เมื่อมนุษย์ในโลกรักษาไม่ได้แล้ว ชาวสวรรค์ชาวพรหมยังรักษาได้อยู่

สังฆานุภาพ ขึ้นอยู่กับการบรรลุธรรมเป็นพระอริยะ การบรรลุธรรมจะเกิดขึ้นเมื่อปฏิบัติตามพุทธวิธีตรง ๆ ใน พ.ศ. ๕๐๐๐ พระอริยะองค์สุดท้ายจะมรณภาพจากโลกนี้ และไม่ปรากฏพระอริยะใหม่ขึ้นอีกเพราะศาสนิกชนไม่ได้ปฏิบัติตามพุทธวิธี แต่ไปปฏิบัติตามวิธีของผู้ตั้งตนเป็นอาจารย์ต่าง ๆ จึงไม่ถึงมรรคผล เมื่อไม่มีสงฆ์ (อริยะ) เพิ่มขึ้นได้อีก ก็เป็นอันสิ้นพระพุทธศาสนาในโลก

ส่วนในสวรรค์และพรหมยังมีพระอริยะอยู่ตลอดเวลา กระจายไปในชั้นต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุทธาวาสพรหมห้าชั้นเต็มไปด้วยพระอนาคามีล้วน ๆ และทำหน้าที่เป็นอาจารย์และพระพี่เลี้ยงให้แก่เทวดาและพรหมทั้งหลายตามศรัทธา พระพุทธศาสนาจึงคงอยู่ในสวรรค์และพรหมตลอดเวลา มนุษย์ตายจากโลกนี้แล้ว ก็ไปศึกษาและปฏิบัติต่อบนสวรรค์และพรหมโลกได้ ที่พรหมโลกบรรยากาศจะเหมาะแก่การปฏิบัติบรรลุธรรมที่สุด และพรหมชั้นสูงไม่ต้องแตกสลายยามดวงดาวระเบิด ด้วยเหตุนี้ พระพุทธองค์จึงทรงประกาศธรรมเป็นภาษามาคธี (บาลี) เพราะเป็นภาษาปกติของพรหมโลก

ดังนั้น พุทธศาสนาจึงเป็นศาสนาแห่งจักรวาล เพื่อยกสรรพจิตไปให้สูงกว่าจักรวาล เป็นศาสนาเดียวที่อยู่ยั่งยืนยงในจักรวาลตลอดกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่พรหมโลก ไม่ใช่แค่ปรัชญาลัทธิหนึ่งเฉพาะสำหรับมนุษย์เพราะค้นพบโดยมนุษย์ ไม่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้าอย่างที่ฝรั่งเข้าใจและสอนกันอยู่ในมหาวิทยาลัยต่างประทศ คนไทยไปเอานิยามของฝรั่งมา เลยเข้าใจศาสนาพุทธที่ตนนับถือผิดไปด้วย ควรทำความเข้าใจใหม่ให้ถูกต้อง และไปสอนฝรั่งให้เข้าใจให้ถูกตรง

ความจริงที่ถูกต้อง คือ พรหมและสวรรค์เกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธตั้งแต่ ๑) การอาราธนาพระโพธิสัตว์มาประสูติ ๒) การอำนวยความสะดวกในการออกบวช ๓) การดีดพิณสายกลางให้พระโพธิสัตว์ทรงบรรเทาความเคร่งครัด ๔) การปราบมารมารบกวนพระโพธิสัตว์ ๕) การทูลเชิญพระพุทธเจ้าให้ทรงประกาศธรรม ๖) การถวายบริขารชุดแรก ๗) การดูแลความเป็นอยู่ของพระพุทธองค์โดยรวม ๆ ๘) การร่วมฟังธรรมและบรรลุธรรมไปกับเหล่ามนุษย์ ซึ่งบรรลุธรรมมากกว่ามนุษย์อย่างเทียบส่วนได้ยาก ๙) การต้อนรับพระพุทธเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ และการส่งเสด็จกลับมาโปรดมนุษย์ ๑๐) การส่งเสด็จสู่ปรินิพพาน ๑๑) การนำพุทธบัญชาหลัก ๆ มาเป็นกฎหมายจักรวาล ๑๒) แม้พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว เทพพรหมยังคงปฏิบัติธรรมและรักษาพระธรรมกันอยู่เสมอ เป็นต้น

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาเดียวที่อยู่ยั่งยืนยงในจักรวาลตลอดกาล ยุคใดที่มนุษย์เสื่อมจากศาสนาพุทธ แสดงว่ายุคนั้นมนุษย์เสื่อมจากมาตรฐานจักรวาล และหลุดจากโอกาสการเข้าถึงอมตภาพเหนือจักรวาล

Trend โลกปัจจุบัน

ด้วยเหตุที่ศาสนาพุทธมีดีมากมายอย่างนี้ ปัจจุบันชาวตะวันตกที่เคยนับถือศาสนาอื่น ๆ จึงหันมานับถือศาสนาพุทธมากขึ้น บ้างก็นับถือสองศาสนาเลย คือศาสนาเดิมด้วย แล้วเอาศาสนาพุทธไปต่อยอดด้วย พวกนี้จะเรียกผู้มีแนวทางเดียวกันว่า

ChristianBu (คริสต์ + พุทธ) บ้าง 
IslamBu (อิสลาม + พุทธ) บ้าง 
HinduBu (ฮินดู + พุทธ) บ้าง อันนี้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลแล้ว แล้วหายไปนาน ถูกรื้อฟื้นกลับมาใหม่ในช่วงนี้

ซึ่งใครจะนับถืออย่างไร เป็นเสรีภาพส่วนบุคคลตามกฎบัตรสหประชาชาติ ผู้ใดแม้รัฐบาลจะละเมิดมิได้

และในระดับประชาชน ท่านไม่ได้ห้าม ท่านห้ามในระดับนักบวชเท่านั้นว่า ห้ามนับถือหลายศาสนาในเวลาเดียวกัน เพราะจะทำให้ไม่สามารถรักษาความบริสุทธิ์ของพระศาสนาไว้ได้ และทำให้ประชาชนสับสน 

ดังนั้น อย่าไปสนใจเลยว่าใครจะนับถือศาสนาอะไร มาช่วยกันทำให้แต่ละศาสนาบริสุทธิ์บริบูรณ์ตามอุดมธรรมของศาสนาดีกว่า


การยกระดับศาสนาให้บริสุทธิ์บริบูรณ์

ในส่วนศาสนาพุทธใกล้ตัวพวกเรา สิ่งที่ควรทำให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ คือ

1. พระศาสดา

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า "เมื่อเราปรินิพพานแล้ว ธรรมวินัยจักเป็นศาสดาของพวกเธอทั้งหลายแทนเราสืบไป" ดังนั้น ต้องดูแล เคารพบูชา และปฏิบัติตามพระศาสดากันอย่างดี

2. การเข้าถึงพระพุทธานุภาพ พระธรรมมานุภาพ พระสังฆานุภาพ

จิตใจขั้นสูง เช่น พรหม ไม่มีปัญหาในเรื่องนี้

เทวดา ก็มีผู้เข้าถึงได้บ้าง เข้าไม่ถึงบ้าง

มนุษย์ เข้าถึงได้น้อยอย่างยิ่ง เพราะมนุษย์ยุคนี้เมามันกับการสร้างอานุภาพในตนมากกว่า จึงไม่สนใจอานุภาพที่ยิ่งกว่าตน

ความจริงการพัฒนาอานุภาพในตนเป็นสิ่งที่ดี แต่หากรู้จักอานุภาพทั้งหมดด้วย จะจัดระบบพัฒนาการได้ดีกว่า และยกระดับให้ยิ่งขึ้นได้จริง ไม่จมอยู่แค่ตัวเอง

ดังนั้น ควรพัฒนาผู้สามารถเข้าถึงพระพุทธานุภาพ พระธรรมมานุภาพ พระสังฆานุภาพ ให้มากยิ่งขึ้น

3. พระธรรมเที่ยงตรงบริสุทธิ์บริบูรณ์

สมบัติล้ำค่าของพระพุทธศาสนา คือ พระธรรมเที่ยงตรงบริสุทธิ์บริบูรณ์ ดังนั้นต้องรักษาไว้ และส่งเสริมให้ศึกษากันอย่างกว้างขวาง

ใครที่แทงตลอดดีแล้ว จะแจ่มแจ้งว่า การศึกษาพระธรรมเที่ยงตรงบริสุทธิ์บริบูรณ์นี่แหละสนุกกว่า ให้ผลต่อชีวิตมากกว่าการศึกษาอื่นใดทั้งหมดในโลก

4. การปฏิบัติธรรมตามพุทธวิธี

ในพระไตรปิฎกจะระบุไว้ชัดว่า พระสูตรใดทำให้ใครบรรลุธรรมบ้าง จำนวนเท่าใด การปฏิบัติตามพุทธวิธีตรง ๆ นี่แหละที่นำสู่การบรรลุธรรมตรง ๆ แต่ศาสนิกชนจำนวนไม่น้อยมักจะปฏิบัติตามวิธีของอาจารย์ตน หากบรรลุธรรมได้ก็ใช้ได้ แม้จะไม่ตรงกับพุทธวิธีนัก แต่ข้อจำกัดคือ มักจะเหมาะกับบางบุคคล ไม่สามารถ apply in general ได้ จึงได้ผลในวงแคบ

ศาสนิกชนจำนวนหนึ่งไปสร้างวิธีปฏิบัติธรรมขึ้นมาเอง แล้วยึดถือว่าสุดยอด แต่ในสำนักนั้นไม่มีใครบรรลุธรรมเลยแม้อาจารย์ผู้สอนเอง สำนักแบบนี้มีมากขึ้นทุกที 

ดังนั้น ต้องช่วยกันรื้อฟื้นพุทธวิธีปฏิบัติธรรมให้แพร่หลาย ปฏิบัติตามพุทธวิธีให้ได้ผล แล้วสอนพุทธวิธีปฏิบัติธรรมแก่อนุชน การทำเช่นนี้เป็นการรักษาธรรมกิจของพระพุทธองค์ด้วยดีด้วย รักษาตนด้วยดีด้วย รักษาอนุชนด้วยดีด้วย และรักษาพระศาสนาด้วยดีด้วย

5. การบรรลุธรรมจริง

การปฏิบัติทั้งหมดวัดผลสำเร็จที่การบรรลุธรรม ไม่ใช่การปฏิบัติมากหรือปฏิบัติน้อย ปฏิบัติเคร่งหรือปฏิบัติไม่เคร่ง ปฏิบัติรวมกลุ่มใหญ่หรือปฏิบัติเดี่ยว 

ดังนั้น ต้องปฏิบัติธรรมเพื่อบรรลุธรรม ไม่ใช่ปฏิบัติเพื่อล่าบริวาร ล่าลาภสักการะ สร้างชื่อเสียง ซึ่งไม่ใช่แก่นคุณค่าของการปฏิบัติธรรม ซ้ำยังสร้างบาปกรรมให้ตนเองอีกด้วย

6. คณะสงฆ์หมดจด

ศาสนาจะตั้งอยู่ได้ตราบที่มีพระอริยะอยู่ ดังนั้นกิจของสงฆ์ คือ การปฏิบัติธรรมให้บรรลุธรรม และสร้างพระอริยะสืบพระศาสนาต่อไป

การสร้างถาวรวัตถุโชว์ การทำวัดให้เป็นที่ท่องเที่ยว การทำวัดให้เป็นสถานสงเคราะห์ การทำวัดให้เป็นสถานเทศน์โชว์ การทำวัดให้เป็นแหล่งพิธีกรรมในชีวิต ไม่ใช่กิจของสงฆ์

สงฆ์คือบุคคลแปดจำพวก คือ โสดาปัตติมรรคบุคคล โสดาปัตติผลบุคคล สกทาคามิมรรคบุคคล สกทาคามิผลบุคคล อนาคามีมรรคบุคคล อนาคามีผลบุคคล อรหัตตมรรคบุคคล อรหัตตผลบุคคล อื่นจากนี้ไม่ใช่สงฆ์แท้ เป็นแค่ผู้มาสิกขา (ศึกษา) อยู่ การศึกษาทั้งหมดก็ต้องเป็นไปเพื่ออริยมรรคอริยผล ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น นี่คือเป้าหมายที่พระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ ๕ ทรงสถาปนาสถาบันการศึกษาของสงฆ์ขึ้นมาก รักษาพระปณิธานของผู้ก่อตั้งไว้ แล้วจะเจริญ

ตราบใดที่โลกยังมีพระอริยะอยู่ ศาสนาก็ยังคงอยู่ เมื่อสิ้นอริยะก็สิ้นสุดศาสนา

7. การปกครองสงฆ์โดยธรรม

ดูโครงสร้างการปกครองสงฆ์ของพระพุทธเจ้าเป็นแบบแผนนะ 

พระพุทธองค์ทรงเป็นพระศาสดา หรือประธานแห่งธรรมกิจ

อัครสาวกด้านปัญญา และด้านฤทธิ์ เป็นผู้ร่วมบริหารธรรมกิจหลัก เหมือนรองประธานขวาซ้าย

พระอุปัฏฐากเป็นเหมือนผู้จัดการทั่วไปที่เก่งสารพัดเรื่อง

มีเอตทัคคะ ๘๐ ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เป็นผู้กอปรธรรมกิจด้านต่าง ๆ 

ซึ่งทุกท่านที่กล่าวมาล้วนเป็นพระอริยะทั้งสิ้น นี่คือโครงสร้างการบริหารของพระพุทธเจ้า 

ดังนั้น การปกครองสงฆ์โดยธรรมต้อง

7.1 ใช้โครงสร้างโดยธรรมของพระพุทธเจ้า อย่าเอาโครงสร้างทางโลกมาบริหารสงฆ์ มันคนละเป้าหมาย คนละบริบท คนละมาตรฐานกัน ใช้กันไม่ได้ ขืนใช้จะกัดกร่อนพระศาสนาให้เสื่อม

7.2 พระอริยะเท่านั้นมีสิทธิ์ปกครองสงฆ์ พระอริยุ่งไม่มีสิทธิ์ปกครองสงฆ์

7.3 โครงสร้างหลักต้องมีทั้งด้านปัญญาแท้ และด้านฤทธิ์แท้ ด้านการจัดการ และผู้เชี่ยวชาญจริงด้านต่าง ๆ

ปัญญาแท้ คือ ญาณต่าง ๆ ในญาณกถา ปฏิสัมภิทามรรค (ไม่ใช่รู้เยอะ คิดเก่ง)

ฤทธิ์แท้ คือ อภิญญาหก (ไม่ใช่ขมังเวทย์ ดูดวง เสกเป่า)

การจัดการที่ดี คือ จัดการเพื่อให้มีผู้บรรลุธรรมมากขึ้น (ไม่ใช่จัดการเรื่องอื่นใด ที่นอกเหนือจากการสร้างพระอริยะสืบพระศาสนา)

ผู้เชี่ยวชาญจริง คือ ผู้เป็นเลิศในเรื่องนั้น ๆ และสอนให้ผู้อื่นปฏิบัติจนได้ผลเช่นท่านด้วย 

โครงสร้างการบริหารพระศาสนาอย่างนี้จึงจะรักษาพระศาสนาได้ ไม่มีใครทำลายได้ หากประเทศใด โครงสร้างยิ่งผิดเพี้ยนไปมากเท่าใด ก็ยิ่งทำให้พระศาสนาเสื่อมทรุดไปมากเท่านั้น และอาจไม่สามารถธำรงรักษาอยู่ได้นาน 

8. การบริหารบริษัทสี่สัมพันธ์โดยธรรม

พระพุทธเจ้าตรัสว่า พระศาสนาตั้งอยู่ได้เพราะบริษัทสี่ 

ดังนั้น การบริหารภิกษุ ภิกษุณี คือ ผู้วางภารกิจทางโลก เพื่อบรรลุธรรมจริงจัง เมื่อบรรลุธรรมแล้ว ก็พาผู้อื่นบรรลุธรรมด้วย ภิกษุ ภิกษุณีจะทำกิจทางโลกไม่ได้

อุบาสก อุบาสิกา คือ ผู้มุ่งบรรลุธรรมด้วย มุ่งภารกิจทางโลกด้วย มุ่งส่งเสริมพระศาสนา และสงเคราะห์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบด้วย

ดังนั้น

8.1 อุบาสก อุบาสิกา ไม่ใช่ผู้รับใช้ภิกษุ ภิกษุณี อย่างที่ปฏิบัติกันทุกวันนี้ แต่คือเสาหลักในการทำนุบำรุงศาสนา

พระพุทธเจ้า และเหล่าอรหันต์สมัยพุทธกาล จึงให้เกียรติอุบาสก อุบาสิกาตามสมควรแก่ภูมิธรรมและการทำนุบำรุงศาสนาอย่างดี

8.2 อุบาสก อุบาสิกา ในฐานะผู้ทำนุบำรุงพระศาสนาต้องมีสิทธิ์ในการกำกับมาตรฐานภิกษุ ภิกษุณีที่ตนดูแลพอสมควร เช่น สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าทรงแต่งตั้งให้นางวิสาขาร่วมเป็นกรรมการชำระอธิกรณ์ของภิกษุณี เป็นต้น

9. ธรรมเนียมประเพณีที่พายกภูมิให้สูงขึ้นได้จริง

เมื่อมีศาสนาดี ๆ เกิดขึ้นในโลก ก็เป็นธรรมดาที่ประชาชนจะยึดถือเป็นที่พึ่ง เมื่อยึดเป็นที่พึ่งแล้ว ก็มักจะขอพึ่งในทุกกิจของชีวิต ตั้งแต่อยากมีลูก ลูกจะคลอด ตั้งชื่อลูก ลูกป่วย ลูกดื้อ ลูกจะเรียนอะไรดี ลูกจะทำอาชีพอะไรดี ลูกจะแต่งงาน ลูกจะขึ้นบ้านใหม่ ลูกจะมีหลาน ลูกจะตาย ลูกตายแล้วต้องทำศพ ทุกอย่างตั้งแต่เกิดจนตายจบที่พระ

ก็น่าเห็นใจความสัมพันธ์อันเป็นภาระระหว่างผู้หวังพึ่งพิงและผู้ถูกพึ่งพิง พระก็พยายามช่วยโดยการพัฒนาธรรมเนียมปฏิบัติและพิธีกรรมต่าง ๆ ขึ้นมากมาย จะพัฒนาอะไรขึ้นมาก็ตาม อย่าลืมเป้าหมายหลักของพระศาสนา คือ พาชนบรรลุธรรม พ้นทุกข์ถาวรมากขึ้น ตัวชี้วัดความสำเร็จ คือ เมื่อปฏิบัติตามธรรมเนียมและพิธีกรรมเหล่านั้นแล้ว ภูมิจิตจะต้องสูงขึ้น หากอยู่ที่เดิมหรือแย่ลง แสดงว่าธรรมเนียมและพิธีกรรมนั้นหลงทาง ไม่ควรถือปฏิบัติสืบไป ควรปรับปรุง กระชับให้เข้าสู่เป้าหมายหลักของพระศาสนาให้ได้

10. กฎหมายบ้านเมืองที่เสมอภาคกันต่อทุกศาสนา

ปัญหาระหว่างศาสนาแม้จะมีบ้างในหมู่ศาสนิกชนที่ยังเป็นปุถุชนอยู่ แต่ปัญหาเหล่านี้จะคลี่คลายได้เมื่อกฎหมายบ้านเมืองเสมอภาคกันต่อทุกศาสนา หากเมื่อใดกฎหมายบ้านเมืองไม่เสมอภาคกันต่อทุกศาสนา เมื่อนั้น ผู้ปกครองและกฎหมายอันไม่เป็นธรรมที่ตราขึ้นมานั่นเองที่สร้างเสริมความขัดแย้งระหว่างศาสนาให้รุนแรงและบานปลาย

หากห่วงพระศาสนาจริง ช่วยกันทำสิบประการนี้ให้หมดจด จึงชื่อว่าทำเพื่อพระศาสนา ทำนุบำรุงพระศาสนาเพื่อความผาสุกของประเทศชาติ และประชาชนจริง 

หากแค่หวังดี แต่ทำตรงข้าม ไปคุยกับท่านพระยายมกันเองนะ
 

 

 

ที่มา
26 April 2023

คำที่เกี่ยวข้อง :

ศาสนาเสื่อม สงฆ์