Main navigation

สิ่งที่พระอรหันต์ทำและไม่ทำแน่นอน

Q ถาม :

ท่านอาจารย์ครับ ถ้าเช่นนั้นผมถามอีกแนวหนึ่ง เพื่อจะได้พิจารณาได้ง่ายขึ้น พฤติกรรมใดที่ไม่มีในพระอรหันต์แน่นอนครับ และพฤติกรรมใดที่อาจมีในพระอรหันต์ได้ เราไม่ควรด่วนสรุปครับ

A อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ :

พฤติกรรมที่ไม่มีในพระอรหันต์แน่นอน

1. พระอรหันต์ย่อมไม่ทำบาป ทั้งต่อหน้าและลับหลังแน่

2. พระอรหันต์ย่อมไม่สรรเสริญกิเลส เยินยอคนมีกิเลส หรือบริการกิเลสใครแน่

3. พระอรหันต์ย่อมไม่พัวพันผูกพัน ในสัมพันธ์ที่สร้างวัฏฏะต่อแน่

4. พระอรหันต์ย่อมไม่ให้สิทธิพิเศษกับใครด้วยเหตุแห่งความชอบ ความชัง ความหลง ความกลัว แน่ (ใครที่คิดว่าเป็นคนโปรดพระอรหันต์ นั่นโมเมเข้าข้างตัวเอง หรือแอบอ้างไปเอง)

5. พระอรหันต์ย่อมไม่แสวงลาภเพื่อตนแน่ แต่ถ้าทำเพื่อพระศาสนา หรือเพื่อประเทศชาติ หรือส่วนรวม ท่านทำ

6. พระอรหันต์ย่อมไม่ใส่ใจ คาดหวัง ในสักการะแน่ แม้ท่านจะเป็นผู้ควรได้รับที่สุด

7. พระอรหันต์ย่อมไม่โฆษณาตน และไม่มอบหมายให้ใครโฆษณาท่านแน่

8. พระอรหันต์ย่อมไม่แสวงหาการยอมรับ และย่อมไม่สนใจการไม่ยอมรับใด ๆ แน่

9. พระอรหันต์ย่อมไม่มีระบบเกณฑ์คนมาพบท่านเยอะ ๆ แน่ 

10. พระอรหันต์ย่อมไม่ทำสำนักของท่านให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแน่ แต่จะทำสำนักของท่านให้เป็นที่ปฏิบ้ติเพื่อบรรลุธรรมอันเป็นศาสนกิจแท้จริง

11. พระอรหันต์ย่อมไม่ฆ่า ไม่ทำร้ายสัตว์อื่นให้ลำบากแน่  

12. พระอรหันต์ย่อมไม่พูดร้ายกับผู้อื่นโดยไม่มีเจตนาดีแน่

13. พระอรหันต์ย่อมไม่เมามันในการบริโภคปัจจัยสี่และอื่น ๆ แน่

14. พระอรหันต์ย่อมไม่นิยมความวุ่นวายแน่

15. พระอรหันต์ย่อมไม่เกิดในภพภูมิใด ๆ อีกแน่

16. พระอรหันต์ย่อมไม่เป็นทุกข์แน่ แม้จะมีทุกขเวทนาตามธรรมดาสังขารบ้าง แต่สภาวะของท่านจะไม่ทุกข์เพราะเวทนาเหล่านั้น

17. พระอรหันต์ย่อมไม่มีอวิชชา กิเลส ตัณหาแน่


พฤติกรรมที่อาจมีในพระอรหันต์ได้ ไม่ควรด่วนสรุป

1. อธิวาสนะ หรือสันดานข้ามภพชาติ เช่น ท่านพระสารีบุตรเป็นลิงมาหลายชาติ จึงมีนิสัยกระโดกกระเดกอยู่บ้าง มีครั้งหนึ่ง โยมมานิมนต์ท่านไปฉันที่บ้าน จัดเตรียมจีวรถวายท่านสามสำรับ เมื่อโยมมารับบาตรพาท่านเดินทางไปบ้าน ครั้นเดินผ่านคูน้ำ ท่านพระสารีบุตรก็ถกจีวร กระโดดข้ามน้ำไป โยมคิดในใจว่า ทำไมพระเถระช่างไม่สำรวมอย่างนี้ จึงเปลี่ยนใจว่า จีวรสามสำรับมากไป ถวายท่านแค่สองสำรับก็พอ พอไปถึงคูน้ำที่สอง ท่านพระสารีบุตรก็ถกจีวร กระโดดข้ามน้ำไปอีก โยมก็คิดในใจว่า พระรูปนี้ช่างไม่สำรวมจริง ๆ จึงเปลี่ยนใจอีกว่า จีวรสองสำรับมากไป ถวายท่านแค่สำรับเดียวก็พอ พอไปถึงคูน้ำที่สาม ท่านพระสารีบุตรแทนที่จะถกจีวร กลับรวบจีวรแนบแข้งแล้วค่อย ๆ เดินลุยน้ำไป โยมก็แปลกใจ จึงถามท่านว่า พระคุณเจ้า ทำไมคูนี้ท่านจึงไม่โดดข้ามอีกเล่า ทำไมต้องเดินลุยน้ำไปให้เปียก ท่านพระสารีบุตรตอบว่า ถ้าขืนโดดอีก โยมก็จะไม่ได้ถวายจีวรสักสำรับเลย

๑) ปรากฏการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า อธิวาสนะหรือสันดานข้ามภพชาตินั้น ยังติดอยู่ในความเคยชิน และพฤติกรรมของบุคคลได้ ดังนั้น อย่าเอาพฤติกรรมที่ไม่ตรงความคาดหวังของตนไป judge ว่าท่านเป็นหรือไม่เป็นอย่างนั้นอย่างนี้แน่

๒) ถ้าเป็นพระอรหันต์ชั้นดี ย่อมรู้ความจริงที่ลึกซึ้งได้

๓) พระอรหันต์ย่อมไม่สนใจว่าใครจะถวายอะไรเท่าไร แต่ท่านสนใจว่าโยมจะได้อะไรหรือไม่ได้อะไรต่างหาก

2. คุรุกรรมในอดีต กรรมเป็นเรื่องของขันธ์ พระอรหันต์ที่ยังครองขันธ์อยู่ ก็ยังต้องรับกรรมอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุรุกรรม ส่วนกรรมเล็กกรรมกลาง ท่านไม่ต้องรับแล้ว ดังนั้น อย่าเอาวิบากที่ท่านรับ ไป judge ว่าท่านเป็นหรือไม่เป็นอย่างนั้นอย่างนี้แน่

3. ความไม่ถ่องถ้วนวินัยโดยละเอียด โดยปกติพระอรหันต์ท่านจะเคร่งครัดธรรมวินัยกันเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ความจำได้และเข้าใจวินัย และการฝึกสมณสารูปของแต่ละท่านอาจไม่เท่ากัน แต่อย่างไรก็ตาม พระพุทธเจ้าทรงวินิฉัยอธิกรณ์มาแล้วในกรณีของท่านพระทัพพมัลลกุมารว่า พระอรหันต์ย่อมมีสติวินัยเสมอ คือไม่ผิดโดยเจตนาแน่ ดังนั้น อย่าเอาความไม่รู้ ไม่ปฏิบัติวินัยโดยรายละเอียด ไป judge ว่าท่านเป็นหรือไม่เป็นอย่างนั้นอย่างนี้แน่


พฤติกรรมที่มีเป็นปกติในพระอรหันต์

1. พระอรหันต์ทุกท่าน ย่อมมีอริยฤทธิ์แน่ ใครไม่มีฤทธิ์นี้แสดงว่ายังไม่ใช่พระอรหันต์

2. พระอรหันต์ทุกท่าน ย่อมเบิกบาน หรือสงบสุขเสมอแน่ ใครยังเสพทุกข์ สะสมทุกข์ แพร่ระบาดทุกข์ แสดงว่ายังไม่ใช่พระอรหันต์

3.  พระอรหันต์ทุกท่าน ย่อมอยู่ในความว่างเสมอแน่ ใครจิตใจยังวุ่นวายอยู่ แสดงว่ายังไม่ใช่พระอรหันต์

4. พระอรหันต์ทุกท่าน ย่อมมีสัทธาพละในพระรัตนตรัยอย่างไม่หวั่นไหว ไม่อาจแปรเปลี่ยนได้ ใครยังติเตียนพระรัตนตรัยอยู่ แสวงหาศาสนาอื่น ๆ อยู่ แสดงว่ายังไม่ใช่พระอรหันต์

5. พระอรหันต์ทุกท่าน ย่อมแสดงธรรมเพื่อให้โยมพ้นทุกข์แน่ ใครแสดงธรรมเพื่อให้โยมเป็นทุกข์ ยินดีในทุกข์ ยอมแบกทุกข์ต่อไป แสดงว่ายังไม่ใช่พระอรหันต์

6. พระอรหันต์ทุกท่าน ย่อมบริสุทธิ์จากกิเลสสิ้นเชิงสิ้นเชื้อแน่ ใครมีกิเลส เช่น โลภะมูลจิต โทสะมูลจิต โมหะมูลจิต หรือบริวารตัวใดตัวหนึ่งแลบออกมา แสดงว่ายังไม่ใช่พระอรหันต์

7. พระอรหันต์ทุกท่าน ย่อมบริสุทธิ์จากตัณหาสิ้นเชิงสิ้นเชื้อแน่ ใครมีตัณหาแลบออกมา แสดงว่ายังไม่ใช่พระอรหันต์

8. พระอรหันต์ทุกท่าน ย่อมบริสุทธิ์จากอุปาทานสิ้นเชิงสิ้นเชื้อแน่ ใครมีอุปาทานแลบออกมา แสดงว่ายังไม่ใช่พระอรหันต์

9. พระอรหันต์ทุกท่าน ย่อมบริสุทธิ์จากสังโยชน์สิ้นเชิงสิ้นเชื้อแน่ ใครมีสังโยชน์แลบออกมา แสดงว่ายังไม่ใช่พระอรหันต์

10. พระอรหันต์ทุกท่าน ย่อมบริสุทธิ์จากอาสวะสิ้นเชิงสิ้นเชื้อแน่ ใครมีอาสวะแลบออกมา แสดงว่ายังไม่ใช่พระอรหันต์

11. พระอรหันต์ทุกท่าน ย่อมบริสุทธิ์จากอัตตาทุกประเภทสิ้นเชิงสิ้นเชื้อแน่ ใครมีอัตตาแลบออกมา แสดงว่ายังไม่ใช่พระอรหันต์

12. พระอรหันต์ทุกท่าน ย่อมบริสุทธิ์จากอวิชชาสิ้นเชิงสิ้นเชื้อแน่ ใครมีอวิชชาแลบออกมา แสดงว่ายังไม่ใช่พระอรหันต์

13. พระอรหันต์ทุกท่าน ย่อมบริสุทธิ์จากธาตุ ขันธ์ อายตนะแน่ เพียงแต่อยู่ด้วยกันตราบที่ยังไม่สิ้นอายุขัย ใครมีความยินดีหรือมีปฏิฆะในธาตุ ขันธ์ อายตนะ แสดงว่ายังไม่ใช่พระอรหันต์


เมื่อพบพระอรหันต์แล้ว เราควรปฏิบัติต่อท่านอย่างไร

สิ่งสำคัญต่อมา เมื่อรู้ว่าท่านใดเป็นพระอรหันต์แล้ว คือการปฏิบัติต่อท่านให้เหมาะสม กุลบุตรพึงปฏิบัติต่อพระอรหันต์ ดังนี้

ในระดับพื้นฐาน

1. ต้อนรับท่านด้วยความยินดี

2. สักการะท่านด้วยความเลื่อมใส

3. ถวายปัจจัยสี่ หรือ/และห้า แก่ท่านตามควรแก่ธรรมกิจที่ท่านทำ ด้วยความเลื่อมใส 

4. กระทำอัญชลีส่งท่านเมื่อจากลา

ในระดับก้าวหน้า

1. ฟังธรรมจากท่าน

2. พิจารณาธรรมตามที่ท่านสอนด้วยโยนิโสมนสิการ

3. ธรรมใดที่เหมาะกับตน ก็โอปนยิโก น้อมเข้าปฏิบัติจิตทันที

4. อนุโมทนายินดีกับสภาวะธรรมของท่าน

ในระดับสูง

หากสภาวะธรรมลงตัวกันดี

1. ถวายตนเป็นศิษย์ในโอวาทของท่าน

2. อยู่ปฏิบัติธรรมกับท่าน

3. อุปัฏฐากท่านตามวาระอันเหมาะสม

4. บรรลุธรรมตามท่าน

5. สืบสานธรรมกิจของท่าน 

6. สรรเสริญคุณของท่าน แต่อย่าให้ล้ำพระศาสดา

7. สร้างปูชนียสถานรำลึกถึงคุณของท่าน หากสามารถ