อุคคเสนบุตรเศรษฐี
อุคคเสนบุตรเศรษฐีได้ชมการแสดงของนางนักฟ้อนในงานทำมหรสพ เกิดความรักใคร่และปรารถนาจะได้นางมาเป็นคู่ครอง จึงไปอยู่กับคณะนักฟ้อน และมีบุตรด้วยกัน ต่อเมื่อถูกนางนักฟ้อนเย้าด้วยมิได้เป็นผู้หารายได้ อุคคเสนจึงได้ฝึกเรียนศิลปะและออกแสดงในบ้านนิคมต่าง ๆ
ในวันที่ ๗ ที่อุคคเสนจะแสดงศิลปะแก่ชาวพระนคร พระผู้มีพระภาคทรงทราบด้วยพระญาณว่า วันพรุ่งนี้บุตรเศรษฐีจักแสดงศิลปะ มหาชนจักประชุมเพื่อดูเขา พระองค์จักแสดงคาถาประกอบด้วยบท ๔ การบรรลุธรรมจักมีแก่สัตว์ ๘๔,๐๐๐ เพราะฟังธรรมนั้น แม้อุคคเสนก็จักตั้งอยู่ในพระอรหัต
ในวันรุ่งขึ้น พระพุทธองค์ทรงเสด็จไปกรุงราชคฤห์เพื่อบิณฑบาต ฝ่ายอุคคเสนได้แสดงศิลปะด้วยการหกคะเมนในอากาศ ๗ ครั้ง ลงมาแล้วยืนบนปลายไม้แป้น พระพุทธองค์ทรงกระทำโดยอาการที่บริษัทไม่แลดูเขา ให้ดูเฉพาะพระองค์เท่านั้น อุคคเสนแลดูบริษัทแล้ว ถึงความเสียใจว่าบริษัทไม่ดูตน ดูแต่พระผู้มีพระภาคเท่านั้น การแสดงศิลปะของตนเปล่าประโยชน์แล้ว
พระผู้มีพระภาคทรงทราบความคิดของอุคคเสนแล้ว จึงตรัสให้พระโมคคัลลานะไปบอกอุคคเสนให้แสดงศิลปะให้มหาชนดู เขาจึงยินดี และแสดงหกคะเมน ๑๔ ครั้ง ในอากาศ แล้วลงมายืนอยู่บนปลายไม้แป้นตามเดิม
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสกับเขาว่า ธรรมดาบัณฑิตต้องละความอาลัยรักใคร่ในขันธ์ทั้งหลาย ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบันเสียแล้ว พ้นจากทุกข์ทั้งหลาย มีชาติเป็นต้น
แล้วตรัสพระคาถาว่า
ท่านจงเปลื้องอาลัยในก่อนเสีย จงเปลื้องอาลัยข้างหลังเสีย จงเปลื้องอาลัยในท่ามกลางเสีย จึงเป็นผู้ถึงฝั่งแห่งภพ มีใจหลุดพ้นในธรรมทั้งปวง จะไม่เข้าถึงชาติและชราอีก
ในกาลจบเทศนา การตรัสรู้ธรรมได้มีแก่สัตว์ทั้ง ๘๔,๐๐๐
ฝ่ายอุคคเสนบุตรเศรษฐี บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทา ทูลขอบรรพชากับพระผู้มีพระภาค
อุคคเสนได้เป็นผู้ทรงไว้ซึ่งบริขาร ๘ ประหนึ่งผู้มีพรรษาตั้ง ๖๐ ในขณะนั้น และเมื่อท่านตอบภิกษุอื่นว่า ไม่กลัว ขณะเมื่อลงจากปลายไม้แป้นสูง ๖๐ ศอก จึงถูกกล่าวว่าอวดคุณวิเศษ
พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า พวกภิกษุผู้ตัดสังโยชน์ได้แล้วเช่นเดียวกับอุคคเสนผู้บุตรของเรา หากลัว หาพรั่นพรึงไม่
ดังนี้แล้ว ทรงตรัสพระคาถานี้ในพราหมณวรรคว่า
เรากล่าวผู้ที่ตัดสังโยชน์ทั้งหมดได้ ไม่สะดุ้ง ผู้ล่วงกิเลสเป็นเครื่องข้อง ไม่ประกอบด้วยโยคะกิเลสแล้วว่า เป็นพราหมณ์
ในกาลจบเทศนา การบรรลุธรรมพิเศษได้มีแก่ชนเป็นอันมาก
พระผู้มีพระภาคได้ทรงตรัสเหตุของการอาศัยลูกสาวนักฟ้อน เที่ยวไปกับนักฟ้อนของอุคคเสน และเหตุแห่งอุปนิสัยพระอรหัตของพระอุคคเสนว่า
ในอดีตชาติ อุคคเสนและนางนักฟ้อนเป็นสามีภรรยากัน ได้ถวายบิณฑบาตแด่พระเถระผู้ขีณาสพ นางตั้งความปรารถนาว่า ขอให้ตนทั้งสองพึงมีส่วนแห่งธรรมอันพระขีณาสพเห็นแล้ว และเมื่อพระขีณาสพได้ทำการยิ้มด้วยทราบภาวะอันจะสำเร็จความปรารถนาของทั้งสอง ภรรยาจึงกล่าวกับสามีว่า พระคุณเจ้าทำอาการยิ้ม ท่านจักเป็นเด็กนักฟ้อน ฝ่ายสามีตอบว่า นางผู้เจริญ ก็จักเป็นเช่นนั้น
ฝ่ายลูกสาวนักฟ้อนนั้นคิดว่า สิ่งที่เป็นคติของสามีของตน ก็เป็นคติของตน จึงบรรพชาในสำนักของภิกษุณี ดำรงอยู่ในพระอรหัต
อ่านคาถาธรรมบท ตัณหาวรรค
อ่าน อรรถกถาเรื่อง บุตรเศรษฐีชื่ออุคคเสน