อุบาสิกาสุปปิยาถวายเนื้อขา
อุบาสกสุปปิยะและอุบาสิกาสุปปิยาเป็นผู้เลื่อมใส บำรุงพระสงฆ์อยู่ในพระนครพาราณสี วันหนึ่ง อุบาสิกาสุปปิยาไปสู่อาราม พบภิกษุอาพาธ ต้องการฉันน้ำเนื้อต้ม
นางรับคำแล้ว ให้บ่าวไปหาซื้อเนื้อสัตว์เพื่อมาต้มถวาย แต่หาเนื้อไม่ได้ เนื่องจากเป็นวันห้ามฆ่าสัตว์ อุบาสิกาสุปปิยาเกรงว่าภิกษุเมื่อไม่ได้ฉันน้ำเนื้อต้ม จักอาพาธมากขึ้นหรือจักถึงมรณภาพ การรับคำแล้วไม่จัดหาไปถวายเป็นการไม่สมควร นางจึงหยิบมีดมาเชือดเนื้อขาของตน ส่งให้หญิงรับใช้ นำไปต้มแล้วนำไปถวายภิกษุรูปที่อาพาธ แล้วให้แจ้งผู้อื่นว่าตนป่วย
ครั้นเมื่ออุบาสกสุปปิยะทราบความ ก็ร่าเริงดีใจว่าอุบาสิกาสุปปิยะมีศรัทธาเลื่อมใสยิ่ง จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค นิมนต์พระพุทธองค์พร้อมด้วยพระสงฆ์เสด็จไปรับภัตตาหารในวันรุ่งขึ้น เพื่อเจริญมหากุศลและปีติปราโมทย์
ครั้นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคเสด็จไปสู่บ้านของอุบาสกสุปปิยะ แล้วตรัสถามถึงอุบาสิกาสุปปิยะ แล้วทรงโปรดให้พยุงนางมาเข้าเฝ้า
ครั้นนางได้เห็นพระผู้มีพระภาค แผลใหญ่ได้งอกเต็ม ผิวพรรณเรียบสนิท มีขนเกิดขึ้นทันที อุบาสกสุปปิยะและอุบาสิกาสุปปิยาพากันร่าเริงยินดี อัศจรรย์ในพุทธานุภาพของพระพุทธองค์
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น แล้วทรงสอบถามภิกษุผู้ขอเนื้อต่ออุบาสิกาสุปปิยา ภิกษุรูปนั้นได้ทูลรับว่าได้ฉันเนื้อแล้วโดยมิได้พิจารณาก่อน
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า
การไม่ได้พิจารณาแล้วฉันเนื้อมนุษย์ไปแล้ว เป็นการกระทำที่ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว
โดยที่แท้ การกระทำนั่นเป็นไปเพื่อความไม่เลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส และเพื่อความเป็นอย่างอื่นของชนบางพวกที่เลื่อมใสแล้ว
แล้วทรงพระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อมนุษย์ว่า
บรรดาคนที่มีศรัทธาเลื่อมใสมีอยู่ เขาสละเนื้อของเขาถวายก็ได้ ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อมนุษย์ รูปใดฉันต้องอาบัติถุลลัจจัย
อนึ่ง ภิกษุยังมิได้พิจารณา ไม่พึงฉันเนื้อ รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ