รุกขธรรมชาดก
ในอดีตกาล ท้าวสักกะทรงตั้งท้าวเวสสวรรณองค์ใหม่ ท้าวเวสสวรรณองค์ใหม่ส่งข่าวไปแก่หมู่เทพยดาว่า จงจับจองต้นไม้ กอไผ่ พุ่มไม้ และลดาวัลย์เป็นวิมาน ในสถานที่อันพอใจแห่งตน
ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นรุกขเทวดา ณ ป่ารังแห่งหนึ่งในหิมวันตประเทศ ทรงประกาศบอกเทพที่เป็นหมู่ญาติว่า จงอย่าจับจองต้นไม้ที่ตั้งอยู่บนเนิน แต่จงจับจองวิมานต้นไม้ล้อมรอบวิมานที่พระโพธิสัตว์จับจองแล้วในป่ารัง
พวกเทวดาที่เป็นบัณฑิตกระทำตามคำของพระโพธิสัตว์ จับจองวิมานต้นไม้ที่ตั้งล้อมวิมานของพระโพธิสัตว์ ฝ่ายพวกที่มิใช่บัณฑิตพากันจับจองวิมานที่ต้นไม้ใหญ่ในถิ่นมนุษย์ ด้วยคิดว่าย่อมประสบลาภและยศอันเลิศ
วันหนึ่ง เกิดลมฝนใหญ่ ต้นไม้ใหญ่ ๆ ในป่า ที่มีรากมั่นคง มีกิ่งก้าน หักล้มระเนระนาดทั้งรากทั้งโคน เพราะโต้ลมเกินไป แต่พอถึงป่ารังซึ่งตั้งอยู่ชิดติดต่อกัน ถึงลมจะพัดกระหน่ำทุก ๆ ด้าน ก็ไม่อาจทำให้ต้นไม้ล้มได้สักต้นเดียว
หมู่เทวดาที่มีวิมานหัก ต่างก็ไม่มีที่พำนัก พากันจูงมือเด็ก ๆ ไปป่าหิมพานต์ แจ้งเรื่องราวของตนแก่เทวดาผู้อยู่ในป่ารัง เทวดาเหล่านั้นก็พากันบอกเรื่องที่พวกเหล่านั้นพากันกระเซอะกระเซิงมาแก่พระโพธิสัตว์
พระโพธิสัตว์กล่าวว่า ผู้ที่ไม่เชื่อถือถ้อยคำของหมู่บัณฑิต แล้วพากันไปสู่สถานที่อันหาปัจจัยมิได้ ย่อมเป็นอย่างนี้ทั้งนั้น
เมื่อจะแสดงธรรม จึงกล่าวว่า
หมู่ญาติยิ่งมีมากได้ ยิ่งดี แม้ถึงไม้เกิดในป่า เป็นหมวดหมู่ได้เป็นดี เพราะต้นไม้ที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว แม้จะใหญ่โตเป็นเจ้าป่า ย่อมถูกลมแรงโค่น
พระบรมศาสดาตรัสเทศนาธรรมว่า
หมู่ญาติควรจะต้องได้ความสามัคคีกันก่อนอย่างนี้ทีเดียว เพราะเหตุนั้น ท่านทั้งหลายจงสมัครสมานปรองดองกัน อยู่กันด้วยความรักใคร่กลมเกลียวกันเถิด
แล้วทรงประชุมชาดกว่า
ฝูงเทพในครั้งนั้นได้มาเป็นพุทธบริษัท ส่วนเทวดาผู้เป็นบัณฑิตได้มาเป็นพระตถาคต
อ่าน รุกขธรรมชาดก