นางวิสาขาขอพร ๘ ประการ
พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ในพระนครพาราณสี ตามพระพุทธาภิรมย์แล้ว เสด็จพระพุทธดำเนินไปทางพระนครสาวัตถี เสด็จพระพุทธดำเนินผ่านระยะทางโดยลำดับ ถึงพระนครสาวัตถี
ครั้งนั้น นางวิสาขากราบทูลอาราธนาพระผู้มีพระภาคให้รับภัตตาหารในวันรุ่งขึ้น พระผู้มีพระภาคทรงรับอาราธนาด้วยดุษณีภาพ
ครั้นผ่านราตรีนั้นไป ฝนตกลงมาห่าใหญ่ พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายให้สรงสนานกาย ภิกษุจึงพากันเปลื้องผ้าสรงสนานกายอยู่
เมื่อนางวิสาขาตกแต่งของเคี้ยวของบริโภค แล้วสั่งทาสีให้ไปอารามแจ้งภัตกาล เมื่อนางทาสีไปถึงอาราม เห็นภิกษุเปลื้องผ้าสรงสนานกาย เข้าใจผิดคิดว่าในอารามไม่มีภิกษุ มีแต่พวกอาชีวกสรงสนานอยู่จึงกลับไปแจ้งความแก่นางวิสาขา นางวิสาขา เป็นสตรีฉลาด มีปัญญารู้ได้ทันทีว่าภิกษุทั้งหลายคงเปลื้องผ้านสรงสนานกายอยู่ จึงสั่งสาวใช้ให้ไปอารามแจ้งภัตกาล
ภิกษุเหล่านั้นถือจีวรเข้าไปสู่ที่อยู่ ทาสีนั้นไม่เห็นภิกษุทั้งหลาย จึงเข้าใจผิดคิดว่าไม่มีภิกษุในอาราม อารามว่างเปล่า จึงกลับไปบ้าน แล้วแจ้งความนั้นแก่นางวิสาขา นางวิสาขารู้ได้ทันทีว่าภิกษุทั้งหลายคงทำตัวให้เย็น มีกายงาม ถือจีวรเข้าไปสู่ที่อยู่ตามเดิ จึงสั่งสาวใช้ให้ไปแจ้งภัตกาลที่อารามอีก
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายให้ตรียมบาตรจีวร ถึงเวลาภัตตาหารแล้ว
ครั้นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงครองอันตรวาสก ถือบาตรจีวร เสด็จหายไปจากพระเชตวัน มาปรากฏที่ซุ้มประตูบ้านนางวิสาขา ดุจบุรุษมีกำลัง เหยียดแขนที่คู้หรือคู้แขนที่เหยียด พระองค์ประทับนั่งเหนือพุทธอาสน์ที่เขาปูลาดถวาย พร้อมด้วยพระสงฆ์
นางวิสาขามิคารมาตากล่าวว่า น่าอัศจรรย์จริง พระตถาคตชื่อว่ามีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก เพราะเมื่อห้วงน้ำไหลนองไปเพียงเข่าบ้าง เพียงสะเอวบ้าง เท้าและจีวรของภิกษุ แม้รูปหนึ่ง ก็ไม่ได้เปียกน้ำเลย นางวิสาขาร่าเริง เบิกบานใจ อังคาสภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ด้วยขาทนียโภชนียาหารอันประณีตด้วยมือของตน จนพระผู้มีพระภาคผู้เสวยเสร็จแล้ว ทรงนำพระหัตถ์ออกจากบาตรห้ามภัตรแล้ว นางวิสาขาได้กราบทูลขอประทานพร ๘ ประการต่อพระผู้มีพระภาค
พระผู้มีพระภาคตรัสว่าทรงให้พรแล้ว
นางวิสาขากราบทูลขอประทานพรที่สมควรและไม่มีโทษ
พระผู้มีพระภาคจึงให้นางวิสาขาบอกพร
นางวิสาขากราบทูลว่านางปรารถนา
จะถวายผ้าวัสสิกสาฎกแก่ภิกษุ จนตลอดชีพ
จะถวายภัตรเพื่อพระอาคันตุกะแก่ภิกษุ จนตลอดชีพ
จะถวายภัตรเพื่อพระที่เตรียมจะไปแก่ภิกษุ จนตลอดชีพ
จะถวายภัตรเพื่อพระอาพาธแก่ภิกษุ จนตลอดชีพ
จะถวายภัตรเพื่อพระที่พยาบาลพระอาพาธแก่ภิกษุ จนตลอดชีพ
จะถวายเภสัชสำหรับพระอาพาธแก่ภิกษุ จนตลอดชีพ
จะถวายยาคูประจำ จนตลอดชีพ
จะถวายอุทกสาฎกแก่ภิกษุณีสงฆ์ จนตลอดชีพ
พระผู้มีพระภาคตรัสถามนางวิสาขาว่าเห็นอำนาจประโยชน์อะไร จึงขอพร ๘ ประการ
นางวิสาขากราบทูลเรื่องราวที่ให้สาวใช้ไปยังอารามแก่พระผู้มีพระภาค แล้วกราบทูลว่า
๑. ความเปลือยกายไม่งาม น่าเกลียด นางเห็นอำนาจประโยชน์นี้ จึงปรารถนาจะถวายผ้าวัสสิกสาฎกแก่พระสงฆ์จนตลอดชีพ
๒. พระอาคันตุกะไม่ชำนาญหนทาง ไม่รู้จักที่โคจร ย่อมเที่ยวบิณฑบาตลำบาก ท่านฉันอาคันตุกภัตรของนางพอชำนาญหนทาง รู้จักที่โคจร จักเที่ยวบิณฑบาตได้ไม่ลำบาก นางเห็นอำนาจประโยชน์นี้ จึงปรารถนาจะถวายอาคันตุกภัตรแก่พระสงฆ์ จนตลอดชีพ
๓. พระผู้เตรียมตัว จะไปมัวแสวงหาภัตตาหารเพื่อตนอยู่ จักพลาดจากหมู่เกวียน หรือจักถึงสถานที่ที่ตนต้องการจะไปเมื่อพลบค่ำ จักเดินทางลำบาก ท่านฉันคมิกภัตรของนางแล้ว จักไม่พลาดจากหมู่เกวียน หรือจักถึงสถานที่ที่ตนต้องการจะไปอยู่ไม่พลบค่ำ จักเดินทางไม่ลำบาก นางเห็นอำนาจประโยชน์นี้ จึงปรารถนาจะถวายคมิกภัตรแก่พระสงฆ์ จนตลอดชีพ
๔. เมื่อพระอาพาธไม่ได้โภชนาหารที่เป็นสัปปายะอาพาธกำเริบหรือท่านจักถึงมรณภาพ เมื่อท่านฉันคิลานภัตรของนางแล้ว อาพาธจักทุเลาท่านจักไม่ถึงมรณภาพ นางฉันเห็นอำนาจประโยชน์นี้ จึงปรารถนาจะถวายคิลานภัตรแก่สงฆ์จนตลอดชีพ
๕. พระผู้พยาบาลพระอาพาธมัวแสวงหาภัตตาหารเพื่อตน จักนำภัตตาหารไปถวายพระอาพาธสาย ตนเองจักอดอาหาร ท่านได้ฉันคิลานุปัฏฐากภัตรของนางแล้ว จักนำภัตตาหารไปถวายพระอาพาธตามเวลา ตนเองก็จักไม่อดอาหาร นางเห็นอำนาจประโยชน์นี้ จึงปรารถนาจะถวายคิลานุปัฏฐากภัตรแก่พระสงฆ์ จนตลอดชีพ
๖. เมื่อพระอาพาธไม่ได้เภสัชที่เป็นสัปปายะ อาพาธจักกำเริบ หรือจักถึงมรณภาพ เมื่อท่านฉันคิลานเภสัชของนางแล้ว อาพาธจักทุเลา ท่านจักไม่ถึงมรณภาพ นางเห็นอำนาจประโยชน์นี้ จึงปรารถนาจะถวายคิลานเภสัชแก่พระสงฆ์จนตลอดชีพ
๗. พระผู้มีพระภาคทรงเห็นอานิสงส์ ๑๐ ประการ ได้ทรงอนุญาตยาคูไว้แล้ว ที่เมืองอันธกวินทะ นางเห็นอานิสงส์ตามที่พระองค์ตรัสนั้น จึงปรารถนาจะถวายยาคูประจำแก่พระสงฆ์จนตลอดชีพ
๘. ภิกษุณีทั้งหลายเปลือยกายอาบน้ำร่วมท่ากับหญิงแพศยา ณ แม่น้ำอจิรวดี หญิงแพศยาเหล่านั้นพากันเย้ยหยันภิกษุณีว่า แม่เจ้าเอ่ย พวกท่านกำลังสาว ประพฤติพรหมจรรย์จะได้ประโยชน์อะไร ควรบริโภคกามมิใช่หรือ ประพฤติพรหมจรรย์ต่อเมื่อแก่เฒ่าจักเป็นอันพวกท่านยึดส่วนทั้งสองไว้ได้ ภิกษุณีเหล่านั้นถูกพวกหญิงแพศยาเย้ยหยันอยู่ ได้เป็นผู้เก้อ ความเปลือยกายของมาตุคามไม่งาม น่าเกลียด นางเห็นอำนาจประโยชน์นี้ จึงปรารถนาจะถวายผ้าอุทกสาฎกแก่ภิกษุณีสงฆ์จนตลอดชีพ
พระผู้มีพระภาคทรงถามนางวิสาขาต่อไปว่านางเห็นอานิสงส์อะไร จึงขอพร ๘ ประการ
นางวิสาขากราบทูลว่า ภิกษุทั้งหลายในพระธรรมวินัยนี้ จำพรรษาในทิศทั้งหลายแล้วจักมาพระนครสาวัตถีเพื่อเฝ้าพระผู้มีพระภาค แล้วจักทูลถามว่า ภิกษุมีชื่อนี้ถึงมรณภาพแล้ว ท่านมีคติอย่างไร มีภพหน้าอย่างไร พระผู้มีพระภาคจักทรงพยากรณ์ภิกษุนั้นในโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อานาคามิผล หรืออรหัตผล นางจักเข้าไปหาภิกษุพวกนั้นแล้วถามว่า พระคุณเจ้ารูปนั้นเคยมาพระนครสาวัตถีไหม ถ้าท่านเหล่านั้นจักตอบว่าเคยมาพระนครสาวัตถี นางจักถึงความตกลงใจว่า พระคุณเจ้ารูปนั้นคงใช้สอยผ้าวัสสิกศาฎก คงฉันอาคันตุกภัตร คมิกภัตรคิลานภัตร คิลานุปัฏฐากภัตร คิลานเภสัช หรือยาคูประจำเป็นแน่
เมื่อนางระลึกถึงกุศลนั้นอยู่ ความปลื้มใจจักบังเกิด เมื่อปลื้มใจแล้ว ความอิ่มใจจักบังเกิด เมื่อมีใจอิ่มเอิบแล้ว กายจักสงบ เมื่อมีกายสงบแล้ว จักเสวยสุข เมื่อมีความสุข จิตจักตั้งมั่น จักเป็นอันหนางได้อบรมอินทรีย์ อบรมพละ อบรมโพชฌงค์นั้น นางเห็นเห็นอานิสงส์นี้ จึงขอประทานพร ๘ ประการต่อพระผู้มีพระภาค
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดีละ ดีละ วิสาขา ดีแท้ วิสาขา เธอเห็นอานิสงส์นี้ จึงขอพร ๘ ประการ ต่อตถาคต เราอนุญาตพร ๘ ประการแก่เธอ
พระผู้มีพระภาคทรงอนุโมทนานางวิสาขามิคารมาตา ด้วยพระคาถาเหล่านี้
สตรีใดให้ข้าวและน้ำ มีใจเบิกบานแล้ว สมบูรณ์ด้วยศีล เป็นสาวิกาของพระสุคต ครอบงำความตระหนี่แล้ว บริจาคทานอันเป็นเหตุแห่งสวรรค์ เป็นเครื่องบรรเทาความโศก นำมาซึ่งความสุข
สตรีนั้นอาศัยมรรคปฏิบัติ ปราศจากธุลี ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วใจ ย่อมได้กำลังและอายุเป็นทิพย์ สตรีผู้ประสงค์บุญนั้น เป็นคนมีสุข สมบูรณ์ด้วยอนามัย ย่อมปลื้มใจในสวรรค์สิ้นกาลนาน
พระพุทธานุญาตผ้าวัสสิกสาฎก
เพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
เราอนุญาตผ้าวัสสิกสาฎก อาคันตุกภัตร คมิกภัตร คิลานภัตร คิลานุปัฏฐากภัตร คิลานเภสัช ยาคูประจำ อนุญาตผ้าอุทกสาฎก สำหรับภิกษุณีสงฆ์
อ่าน : นางวิสาขา มิคารมาตา