Main navigation

โจทอ้างเลศบางอย่าง

เหตุการณ์
พระเมตติยะและพระภุมมชกะโจทพระทัพพมัลลบุตรด้วยเลศ เพื่อให้พระทัพพมัลลบุตรต้องปาราชิก

 

พระเมตติยะและพระภุมมชกะกำลังลงจากภูเขาคิชฌกูฏ ได้เห็นแพะผู้กับแพะเมียกำลังผสมพันธุ์กัน ได้สมมติแพะผู้เป็นพระทัพพมัลลบุตร สมมติแพะเมียเป็นภิกษุณีเมตติยา แล้งแจ้งแก่ภิกษุทั้งหลายว่า เมื่อก่อนพวกตนได้กล่าวหาพระทัพพมัลลบุตรด้วยได้ยิน แต่บัดนี้พวกตนได้เห็นพระทัพพมัลลบุตรปฏิบัติผิดในภิกษุณีเมตติยาด้วยตนเอง

ภิกษุทั้งหลายบอกกับภิกษุทั้งสองว่าอย่าได้กล่าวอย่างนี้ ท่านพระทัพพมัลลบุตรจักไม่ทำกรรมเช่นนี้ แล้วกราบทูลเนื้อความนั้นแด่พระผู้มีพระภาค

พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ ในเพราะเหตุนั้น แล้วทรงสอบถามท่านพระทัพพมัลลบุตรว่าระลึกได้ไหมว่าเป็นผู้ทำกรรมอย่างที่ภิกษุเหล่านี้กล่าวหาหรือไม่

ท่านพระทัพพมัลลบุตรกราบทูลว่าพระผู้มีพระภาคย่อมทรงทราบว่าตนเป็นฉันใด

พระผู้มีพระภาคได้ทรงถามท่านพระทัพพมัลลบุตรสามครั้ง ท่านพระทัพพมัลลบุตรก็ตอบเช่นเดิม

พระผู้มีพระภาคตรัสว่าคนฉลาดย่อมไม่แก้ข้อกล่าวหาอย่างนี้ ถ้าทำ จงบอกว่าทำ ถ้าไม่ได้ทำ จงบอกว่าไม่ได้ทำ

ท่านพระทัพพมัลลบุตรจึงกราบทูลว่าตั้งแต่ตนเกิดมา แม้โดยความฝันก็ยังไม่รู้จักเสพเมถุนธรรม จะกล่าวไยถึงเมื่อตื่นอยู่

พระผู้มีพระภาคจึงทรงรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายให้สอบสวนพระเมตติยะและพระภุมมชกะ

เมื่อทั้งสองถูกสอบสวน ก็ได้แจ้งสมมตินั้นแก่ภิกษุทั้งหลาย

ภิกษุผู้สอบสวนถามว่าทั้งสองถือเอาเอกเทศบางแห่งแห่งอธิกรณ์อันเป็นเรื่องอื่นให้เป็นเพียงเลศ แล้วตามกำจัดท่านพระทัพพมัลลบุตรด้วยธรรมอันมีโทษถึงปาราชิกหรือ

พระเมตติยะและพระภุมมชกะรับว่าจริง

บรรดาภิกษุที่เป็นผู้มักน้อย สันโดษ มีความละอาย มีความรังเกียจผู้ใคร่ต่อสิกขา ต่างพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่าไฉนพระเมตติยะและพระภุมมชกะ จึงได้ถือเอาเอกเทศบางแห่ง แห่งอธิการณ์อันเป็นเรื่องอื่นให้เป็นเพียงเลศ แล้วตามกำจัดท่านพระทัพพมัลลบุตรด้วยธรรมอันมีโทษถึงปาราชิกเล่า แล้วกราบทูลเนื้อความนั้นแด่พระผู้มีพระภาค

พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ เพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น แล้วทรงสอบถามพระเมตติยะและพระภุมมชกะ เมื่อทราบว่าเรื่องทั้งหมดจริง พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า

ไฉนพวกเธอจึงได้ถือเอาเอกเทศบางแห่ง แห่งอธิกรณ์อันเป็นเรื่องอื่นให้เป็นเพียงเลศ แล้วตามกำจัดพระทัพพมัลลบุตร ด้วยธรรมมีโทษถึงปาราชิกเล่า

การกระทำของพวกเธอนั่นไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว โดยที่แท้ การกระทำของพวกเธอนั่น เป็นไปเพื่อความไม่เลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส และเพื่อความเป็นอย่างอื่นของชนบางพวกที่เลื่อมใสแล้ว
 
ครั้นพระผู้มีพระภาคทรงติเตียนพระเมตติยะและพระภุมมชกะโดยอเนกปริยายดังนี้แล้ว ตรัสโทษแห่งความเป็นคนเลี้ยงยาก ความเป็นคนบำรุงยาก ความเป็นคนมักมาก ความเป็นคนไม่สันโดษ ความคลุกคลี ความเกียจคร้าน ตรัสคุณแห่งความเป็นคนเลี้ยงง่าย ความเป็นคนบำรุงง่าย ความมักน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลา ความกำจัด อาการที่น่าเลื่อมใส การไม่สะสม การปรารภความเพียรโดยอเนกปริยายแล้ว ทรงกระทำธรรมีกถาที่สมควรแก่เรื่องนั้น ที่เหมาะสมแก่เรื่องนั้น แก่ภิกษุทั้งหลาย แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า

เพราะเหตุนั้น เราจักบัญญัติสิกขาบทแก่ภิกษุทั้งหลาย อาศัยอำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ คือ

เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์ ๑
เพื่อความสำราญแห่งสงฆ์ ๑
เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก ๑
เพื่ออยู่สำราญแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ๑
เพื่อป้องกันอาสวะอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๑
เพื่อกำจัดอาสวะอันจักบังเกิดในอนาคต ๑
เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ๑
เพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ๑
เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม ๑
เพื่อถือตามพระวินัย ๑

แล้วทรงบัญญัติสิกขาบทว่า

อนึ่ง ภิกษุใด ขัดใจ มีโทสะ ไม่แช่มชื่น ถือเอาเอกเทศบางแห่ง แห่งอธิกรณ์อันเป็นเรื่องอื่น ให้เป็นเพียงเลศ ตามกำจัดซึ่งภิกษุ ด้วยธรรมอันมีโทษถึงปาราชิก ด้วยหมายว่า แม้ไฉนเราจักยังเธอให้เคลื่อนจากพรหมจรรย์นี้ได้ ครั้นสมัยอื่นแต่นั้น อันผู้ใดผู้หนึ่งถือเอาตามก็ตาม ไม่ถือเอาตามก็ตาม แต่อธิกรณ์นั้นเป็นเรื่องอื่นแท้ เอกเทศบางแห่ง เธอถือเอาพอเป็นเลศ แลภิกษุยันอิงโทสะอยู่เป็นสังฆาทิเสส

 

 

อ่าน สังฆาทิเสส สิกขาบทที่ ๙


 

อ้างอิง
สังฆาทิเสส สิกขาบทที่ ๙ พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑ ข้อที่ ๕๖๔
ลำดับที่
8

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ