อนาถบิณฑิกคฤหบดีล้มป่วย ครั้งที่ ๒
ผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้ ย่อมมีความสะดุ้งหวาดเสียว กลัวความตายที่จะมาถึงในภายหน้า ธรรม ๔ ประการนี้ คือ
๑. ประกอบด้วยความไม่เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า เห็นความไม่เลื่อมใสในพระพุทธเจ้าในตน
๒. ประกอบด้วยความไม่เลื่อมใสในพระธรรม เห็นความไม่เลื่อมใสในพระธรรมในตน
๓. ประกอบด้วยความไม่เลื่อมใสในพระสงฆ์ เห็นความไม่เลื่อมใสในพระสงฆ์อยู่ในตน
๔. ประกอบด้วยความเป็นผู้ทุศีล เห็นความเป็นผู้ทุศีลนั้นอยู่ในตน
อริยสาวกผู้ได้สดับ ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้ ย่อมไม่มีความสะดุ้งหวาดเสียว ไม่กลัวความตายที่จะมาถึงในภายหน้า ธรรม ๔ ประการนี้คือ
๑. ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้าว่า แม้เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม เห็นความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้าอยู่ในตน
๒. ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระธรรมว่า พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว อันผู้ได้บรรลุจะพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามา อันวิญญูชน พึงรู้เฉพาะตน เห็นความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระธรรมอยู่ในตน
๓. ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระสงฆ์ว่า พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว ปฏิบัติตรง ปฏิบัติเป็นธรรม ปฏิบัติสมควร คือ คู่แห่งบุรุษ ๔ บุรุษบุคคล ๘ นี่พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค ผู้ควรของคำนับ ควรของต้อนรับ ควรของทำบุญ ควรทำอัญชลี เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า เห็นความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระสงฆ์อยู่ในตน
๔. ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไท วิญญูชนสรรเสริญ อันตัณหาและทิฏฐิไม่ลูบคลำแล้ว เป็นไปเพื่อสมาธิ เห็นศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้วนั้นอยู่ในตน
เมื่อฟังจบท่านอนาถบิณฑิกคฤหบดีกล่าวว่าท่านไม่กลัวความตายด้วยว่าท่านเป็นผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ
พระอานนท์กล่าวว่าเป็นลาภของท่านอนาถบิณฑกบดีแล้ว ท่านได้ดีแล้ว โสดาปัตติผลท่านได้พยากรณ์แล้ว