พระเจ้าพิมพิสารสวรรคต
เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรูยังอยู่ในพระครรภ์ พระเทวีเกิดการแพ้ท้องจะดื่มโลหิตพระพาหา (แขน) เบื้องขวาของพระเจ้าพิมพิสาร พระนางไม่อาจะบอกใครได้ จึงซูบผอมมีผิวพรรณซีดลง เมื่อพระเจ้าพิมพิสารทราบอาการแพ้ท้อง จึงรับสั่งให้หมอมากรีดพระพาหา แล้วรองพระโลหิตด้วยจอกทองคำ เจือด้วยน้ำ แล้วให้พระเทวีดื่ม
เมื่เนมิตตกาจารย์ทั้งหลายได้ทราบข่าวดังนั้นพากันพยากรณ์ว่าพระโอรสในครรภ์องค์นี้เป็นศัตรูแก่พระเจ้าพิมพิสาร พระเจ้าพิมพิสารจักถูกพระโอรสองค์นี้ปลงพระชนม์
เมื่อพระเทวีทราบว่าโอรสในท้องจักฆ่าพระราชาจึงประสงค์จะทำลายครรภ์ให้ตกไป แต่พระครรภ์ก็ไม่ตก พระเจ้าพิมพิสารทรงทราบเหตุนั้นแล้ว จึงทรงห้ามว่าเด็กในท้องของพระนาง ยังไม่รู้ว่าเป็นชายหรือหญิงเลย พระนางก็กระทำอย่างนี้กะทารกแล้ว โทษนี้จักกระจายไปทั่วชมพูทวีป ขอพระเทวีอย่ากระทำอย่างนี้อีก
พระเทวีก็ได้หมายใจไว้ว่า เมื่อคลอดจักฆ่าเสีย ในเวลาที่คลอด พวกเจ้าหน้าที่อารักขาก็ได้นำพระกุมารออกไป
เมื่อพระกุมารเจริญวัยแล้วจึงนำมาแสดงแก่พระเทวี พอทอดพระเนตรเห็นพระกุมารเท่านั้น พระนางก็เกิดความรักพระโอรส จึงไม่อาจฆ่าพระกุมารนั้นได้ พระราชาก็ได้พระราชทานตำแหน่งอุปราชแก่พระโอรส
สมัยต่อมา พระเทวทัตคิดว่า พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ พระมหากัสสปะมีบริษัทมาก ท่านเหล่านี้มีธุระคนละอย่าง แม้ตนก็จะแสดงธุระสักอย่างหนึ่ง
พระเทวทัตนั้น เมื่อไม่มีลาภก็ไม่อาจทำบริษัทให้เกิดขึ้นได้ จึงคิดว่าตนจักทำลาภให้เกิดขึ้น จึงใช้อิทธิปาฏิหาริย์ทำให้อชาตศัตรูราชกุมารเลื่อมใส พอรู้ว่า พระกุมารอชาตศัตรูเลื่อมใสคุ้นเคย ถึงขนาดมาสู่ที่บำรุงของตนทั้งเช้าเย็นพร้อมด้วยบริวารเต็มรถ ๕๐๐ คัน
พระเทวทัตเข้าไปหาพระกุมารอชาตศัตรู แล้วกล่าวว่าเมื่อก่อนคนมีอายุยืน เดี๋ยวนี้มีอายุสั้น การที่พระกุมารอชาตศัตรูจะตายเสียเมื่อยังเป็นเด็ก เป็นฐานะจะมีได้ แล้วบอกให้พระกุมารอชาตศัตรูปลงพระชนม์พระชนกเสียแล้วเป็นพระเจ้าแผ่นดินเอง ส่วนพระเทวทัตเองจะปลงพระชนม์พระผู้มีพระภาคแล้วเป็นพระพุทธเจ้า
พระกุมารอชาตศัตรูคิดว่าพระเทวทัตมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก พระเทวทัตต้องทราบแน่ จึงเหน็บกฤชแนบพระเพลา (ขา) รีบเสด็จเข้าไปภายในพระราชวังแต่เวลากลางวัน
พวกมหาอำมาตย์ผู้รักษาภายในพระราชวัง ได้เห็นพระกุมารอชาตศัตรูทรงกลัว หวั่นหวาด สะดุ้งพระทัยรีบเสด็จเข้ามาภายในพระราชวังแต่เวลากลางวัน จึงรีบจับไว้ มหาอำมาตย์เหล่านั้นตรวจค้นพบกฤชเหน็บอยู่ที่พระเพลาแล้ว ได้ทูลถามอชาตสัตตุกุมารว่าพระองค์ประสงค์จะทำการอันใด พระกุมารอชาตศัตรูกล่าวว่าตนประสงค์จะปลงพระชนม์พระชนก เมื่ออำมาตย์ถามว่าใครใช้พระองค์ อชาตศัตรูราชกุมารตรัสตอบว่าพระเทวทัต
มหาอำมาตย์บางพวกได้ลงมติอย่างนี้ว่า ควรปลงพระชนม์พระกุมาร ควรฆ่าพระเทวทัต และภิกษุทั้งหมด
มหาอำมาตย์บางพวกได้ลงมติอย่างนี้ว่า ไม่ควรฆ่าพวกภิกษุ เพราะพวกภิกษุไม่ผิดอะไร ควรปลงพระชนม์พระกุมาร และฆ่าพระเทวทัต
มหาอำมาตย์บางพวกได้ลงมติอย่างนี้ว่า ไม่ควรปลงพระชนม์พระกุมาร ไม่ควรฆ่าพระเทวทัต ไม่ควรฆ่าพวกภิกษุ ควรกราบทูลพระราชา พระราชารับสั่งอย่างใด ก็จักทำอย่างนั้น
ครั้งนั้น มหาอำมาตย์เหล่านั้นคุมอชาตสัตตุกุมารเข้าไปเฝ้าพระเจ้าพิมพิสาร เมื่อพระเจ้าพิมพิสารทรงทราบความทั้งหมดแล้วตรัสว่าพระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์ จักทำอะไรได้ พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประกาศพระเทวทัตในกรุงราชคฤห์ว่า เมื่อก่อนเป็นอย่างหนึ่ง เดี๋ยวนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง พระเทวทัตทำอะไรด้วยกาย วาจา ไม่พึงเห็นว่าพระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์เป็นอย่างนั้น พึงเห็นเฉพาะตัวพระเทวทัตเอง
พระเจ้าพิมพิสารทรงถอดยศมหาอำมาตย์ที่ลงมติว่า ควรปลงพระชนม์พระกุมาร ควรฆ่าพระเทวทัตและภิกษุทั้งหมด
ได้ทรงลดตำแหน่งพวกที่ลงมติว่า ไม่ควรฆ่าพวกภิกษุ เพราะพวกภิกษุไม่ผิดอะไร ควรปลงพระชนม์พระกุมาร และฆ่าพระเทวทัต
ทรงเลื่อนตำแหน่งพวกที่ลงมติว่า ไม่ควรปลงพระชนม์พระกุมาร ไม่ควรฆ่าพระเทวทัต ไม่ควรฆ่าพวกภิกษุ ควรกราบทูลพระราชา พระราชารับสั่งอย่างใด พวกเราจักทำอย่างนั้น
แล้วรับสั่งถามพระกุมารอชาตศัตรูว่าต้องการฆ่าพ่อด้วยเหตุอันใด เมื่อทรงทราบว่าอชาตศัตรูราชกุมารต้องการราชสมบัติ พระเจ้าพิมพิสารก็ทรงมอบราชสมบัติแก่พระกุมารอชาตศัตรู
เมื่ออชาตศัตรูราชกุมารทรงบอกพระเทวทัตว่าความปรารถนาของตนสำเร็จแล้ว พระเทวทัตกล่าวกะพระกุมารว่าอชาตศัตรูราชกุมารเหมือนคนเอาสุนัขจิ้งจอกไว้ภายในกลองหุ้มหนัง แล้วสำคัญว่าทำกิจสำเร็จเรียบร้อยแล้ว อีกสองสามวัน เมื่อพระบิดาทรงคิดว่าอชาตศัตรูราชกุมารทำการดูหมิ่น ก็จักเป็นพระราชาเสียเอง
พระเทวทัตแนะนำให้อชาตศัตรูราชกุมารฆ่าแบบถอนรากเลยด้วยการตัดพระกระยาหาร
พระกุมารจึงสั่งให้เอาพระบิดาใส่เข้าในเรือนอบที่ทำไว้เพื่อลงโทษแก่นักโทษ และให้คนอื่นงดเยี่ยมยกเว้นพระมารดา
พระเทวีทรงใส่ภัตตาหารในขันทองคำแล้วห่อชายพกเข้าเยี่ยมพระราชา พระราชาเสวยภัตตาหารนั้นจึงประทังพระชนม์อยู่ได้
เมื่ออชาตศัตรูราชกุมารทรงทราบว่าพระเจ้าพิมพิสารดำรงพระชนม์อยู่ได้เพราะเหตุนั้น จึงตรัสสั่งห้ามมิให้พระมารดานำสิ่งของใส่ชายพกเข้าเยี่ยม.
ตั้งแต่นั้น พระเทวีก็ใส่ภัตตาหารไว้ในพระเมาลีเข้าเยี่ยม เมื่ออชาตศัตรูราชกุมารทรงทราบ ก็รับสั่งห้ามมิให้พระมารดานุ่งพระเมาลีเข้าเยี่ยม
พระเทวีก็ทรงใส่ภัตตาหารไว้ในฉลองพระบาททองปิดดีแล้ว ทรงฉลองพระบาททองเข้าเยี่ยม เมื่ออชาตศัตรูราชกุมารทรงทราบ ก็ตรัสสั่งห้ามมิให้ทรงฉลองพระบาทเข้าเยี่ยม
ตั้งแต่นั้น พระเทวีก็ทรงสนานพระวรกายด้วยน้ำหอม แล้วทาพระวรกายด้วยอาหารมีรสอร่อย ๔ อย่าง แล้วทรงห่มพระภูษาเข้าเยี่ยม พระราชาทรงเลียพระวรกายของพระเทวี ประทังพระชนม์อยู่ได้
เมื่ออชาตศัตรูราชกุมารทรงทราบจึงตรัสสั่งว่าตั้งแต่นี้ไป ห้ามพระมารดาเข้าเยี่ยม
แต่นั้น พระเทวีประทับยืนแทบประตูทรงกันแสงคร่ำครวญว่าเมื่ออชาตศัตรูราชกุมารเป็นเด็ก พระเจ้าพิมพิสารก็ไม่ให้ฆ่าเขา ทรงเลี้ยงศัตรูของพระองค์ไว้ด้วยพระองค์เอง การเห็นพระเจ้าพิมพิสารครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว และขอพระราชทานอภัยโทษกับพระเจ้าพิมพิสาร
ตั้งแต่นั้นมาพระเจ้าพิมพิสารก็ไม่มีพระกระยาหาร ดำรงพระชนม์อยู่ด้วยความสุขประกอบด้วยมรรคผล (เพราะทรงเป็นพระโสดาบัน) ด้วยวิธีเดินจงกรม พระวรกายของพระองค์ก็เปล่งปลั่งยิ่งขึ้น
เมื่ออชาตศัตรูราชกุมารทรงทราบ ก็ตรัสสั่งให้เอามีดโกนผ่าพระบาททั้ง ๒ ของพระเจ้าพิมพิสาร เอาน้ำมันผสมเกลือทา แล้วย่างด้วยถ่านไม้ตะเคียนติดไฟเพื่อไม่ให้พระเจ้าพิมพิสารทรงเดินจงกรมได้
เมื่อพระราชาทอดพระเนตรเห็นพวกช่างกัลบก ทรงดำริว่าคงมีใครเตือนพระโอรสให้รู้สึกตัวแน่แล้ว ช่างกัลบกจึงมาแต่งหนวดของตน
เมื่อพระเจ้าพิมพิสารทราบเหตุที่ช่างกัลบกมาแล้ว จึงรับสั่งให้ช่างกัลบกทำตามที่ได้รับราชโองการมา
ช่างกัลบกขอให้พระเจ้าพิมพิสารอย่าทรงพิโรธ และกล่าวว่าการกระทำเช่นนี้ไม่สมควรแก่พระราชาผู้ทรงธรรมเช่นพระเจ้าพิมพิสาร
เล่ากันว่า ในกาลก่อน พระราชาพิมพิสารได้ทรงฉลองพระบาทเข้าไปในลานพระเจดีย์ และเอาพระบาทที่ไม่ได้ชำระเหยียบเสื่อกกที่เขาปูไว้สำหรับนั่ง นี้เป็นผลของบาปนั้น
พระราชาพิมพิสารทรงเกิดทุกขเวทนาอย่างรุนแรง ทรงรำลึกอยู่ว่า อโห พุทฺโธ อโห ธมฺโม อโห สงฺโฆ ทรงเหี่ยวแห้งไปเหมือนพวงดอกไม้ที่เขาวางไว้ในลานพระเจดีย์ บังเกิดเป็นยักษ์ชื่อชนวสภะ เป็นผู้รับใช้ของท้าวเวสสวรรณในเทวโลกชั้นจาตุมหาราช
และในวันนั้นเอง พระโอรสของพระเจ้าอชาตศัตรูก็ประสูติ หนังสือ ๒ ฉบับ คือข่าวพระโอรสประสูติฉบับหนึ่ง ข่าวพระบิดาสวรรคตฉบับหนึ่ง มาถึงในขณะเดียวกัน
พวกอำมาตย์ปรึกษากันว่าจักทูลข่าวพระโอรสประสูติก่อน จึงเอาหนังสือข่าวประสูตินั้นทูนถวายพระเจ้าอชาตศัตรู ความรักลูกเกิดขึ้นแก่พระองค์ในขณะนั้นทันที ท่วมไปทั่วพระวรกายแผ่ไปจดเยื่อในกระดูก
พระเจ้าอชาตศัตรูได้รู้ซึ้งถึงคุณของพระบิดาว่า แม้เมื่อตนเกิด พระบิดาของตนก็คงเกิดความรักอย่างนี้เหมือนกัน
พระองค์จึงรีบมีรับสั่งว่าให้ไปปล่อยพระเจ้าพิมพิสาร เมื่อทรงทราบข่าวการสวรรคต พระเจ้าอชาตศัตรูทรงกันแสง เสด็จไปเฝ้าพระมารดาถามว่าเมื่อตนเกิด พระเจ้าพิมพิสารเกิดความรักพระองค์ไหม
พระนางเวเทหิมีรับสั่งว่า รับสั่งอะไร เวลาที่พระเจ้าอชาตศัตรูยังเล็กอยู่ เป็นฝีที่นิ้วมือ พวกแม่นมทั้งหลายไม่สามารถทำให้ลูกซึ่งกำลังร้องไห้ หยุดร้องได้ จึงพาพระเจ้าอชาตศัตรูไปเฝ้าเสด็จพ่อซึ่งประทับนั่งอยู่ในโรงศาล พระเจ้าพิมพิสารได้อมนิ้วมือของพระเจ้าอชาตศัตรูจนฝีแตกในพระโอษฐ์นั้นแล้วทรงกลืนพระบุพโพปนพระโลหิตนั้นด้วยความรัก พระเจ้าพิมพิสารมีความรักถึงปานนี้
พระเจ้าอชาตศัตรูทรงกันแสงคร่ำครวญถวายเพลิงพระศพพระบิดา
อ่าน:
อชาตสัตตุกุมาร
อรรถกถา สามัญญผลสูตร