พระนางมาคันทิยา
พระนางมาคันทิยาให้ค่าจ้างแก่ชาวเมืองให้ต่อว่าพระพุทธเจ้า โดยหวังให้พระพุทธเจ้าออกจากเมืองเพราะอาฆาตในพระพุทธเจ้าพระอานนท์บอกให้พระพุทธเจ้าออกจากเมือง
พระพุทธเจ้ากล่าวว่า ทรงเป็นเช่นกับช้างก้าวลงสู่สงคราม ที่มีภาระต้องอดทนต่อลูกศรอันมาจาก ๔ ทิศ การอดทนต่อถ้อยคำ อันคนทุศีลกล่าวแล้ว ก็เป็นภาระของพระองค์
ในหมู่มนุษย์ผู้ใดอดกลั้นถ้อยคำล่วงเกินได้ ผู้นั้นชื่อว่าฝึก(ตน)แล้ว เป็นผู้ประเสริฐสุด
และกล่าวว่าอธิกรณ์ซึ่งเกิดขึ้นแก่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ย่อมไม่เกิน ๗ วัน
เมื่ออุบายในการขับไล่พระพุทธเจ้าด้วยการต่อว่าไม่สำเร็จ ก็หาทางกลั่นแกล้งผู้ที่ศรัทธาในพระพุทธองค์ คือพระนางสามาวดี และคนรับใช้ 500 คน ด้วยวิธีต่างๆ
เมื่อพระเจ้าอุเทนยิงธนูไปยังพระนางสามาวดีแล้วธนูนั้นวิ่งเข้ากลับหาตน ทำให้พระเจ้าอุเทนสำนึกผิด และถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง และขอให้พระสงฆ์เข้ามาแสดงธรรมในพระราชวังได้เป็น
ครั้งหนึ่งพระเจ้าอุเทนถามพระอานนท์ว่าผ้าที่เหล่านางทั้งหลายถวายนั้น นำไปทำอะไร พระอานนท์กล่าวว่ามอบให้แก่ภิกษุที่มีจีวรเก่ากว่า จีวรที่เก่านั้นก็นำมาปูเตียง เมื่อปูเตียงไม่ได้แล้ว ก็นำมาปูพื้น เมื่อปูพื้นไม่ได้แล้วก็นำมาทำผ้าเช็ดเท้า เมื่อทำผ้าเช็ดเท้าไม่ได้แล้วก็นำมาโขลกผสมกับดินเพื่อทำฝาบ้าน
สุดท้ายนางสามาวดีและคนรับใช้ก็ถูกไฟคลอกตาย โดยก่อนที่จะตาย บุคคลเหล่านั้นได้มนสิการซึ่งเวทนาปริคคหกัมมัฏฐาน สำเร็จโสดาบันบ้าง สกคาทาคามีบ้าง อนาคามีบ้าง
ส่วนพระนางมาคันทิยาและพวกก็ถูกพระเจ้าอุเทนลงโทษให้เผาและโดนคันไถไถร่างกายให้เป็นชิ้นๆ ส่วนพระนางมาคันทิยาถูกแล่เนื้อมาทอดในน้ำมันที่เดือดพล่าน
ที่พระนางสามาวดีและคนรับใช้ 500 องค์ต้องถูกไฟคลอกตายนั้น เป็นเพราะในอดีตชาติเคยเผาพระปัจเจกพุทธเจ้าโดยมิได้ตั้งใจ แล้วปกปิดความผิดของตนด้วยการนำฟืนมาเผาพระปัจเจกพุทธเจ้าอีกครั้งด้วยความตั้งใจ ด้วยเหตุนี้จึงได้ตกนรกให้ไฟไหม้นับพันปีและต้องตายด้วยการการถูกไฟไหม้เป็น 100 ชาติ