เจ้าสุปปพุทธศากยะ
พระเจ้าสุปปพุทธะผูกอาฆาตพระพุทธเจ้าที่ได้ทอดทิ้งพระนางพิมพาลูกสาวของตนเองแล้วหนีออกไปบวช เป็นเหตุให้ลูกสาวของตนต้องเป็นหม้าย และให้เทวทัตลูกชายของตนออกบวช แต่กลับผูกเวรกับลูกชายของตน จึงไปนั่งเสวยน้ำจัณฑ์ขวางทางที่พระพุทธองค์จะเสด็จผ่านเพื่อไปยังปราสาทของพระมาตุลาเพื่อฉันตามที่ได้รับนิมนต์
เมื่อพระพุทธองค์เสด็จดำเนินผ่านไปไม่ได้ จึงเสด็จกลับ
พระพุทธองค์ตรัสว่า เจ้าสุปปพุทธะนั้นได้ทำกรรมหนักแล้วเพราะไม่ให้ทางแก่พระพุทธเจ้า หลังจากนี้ไป ๗ วัน พระเจ้าสุปปพุทธะจะถูกธรณีสูบใกล้เชิงบันไดภายใต้ปราสาทของพระเจ้าสุปปพุทธะเอง
พระเจ้าสุปปพุทธะต้องการให้คำของพระพุทธองค์เป็นเท็จ จึงขึ้นประทับ ณ ปราสาท ๗ ชั้น แล้วรับสั่งว่าถ้าพระองค์ลงมาข้างล่างภายใน ๗ วันนี้ ให้ขัดขวางไว้
เมื่อพระศาสดาทรงทราบ ได้ตรัสพระคาถานี้กับพระอานนท์ว่า
บุคคลที่ทำกรรมชั่วไว้ หนีไปแล้วในอากาศ ก็ไม่พึงพ้นจากกรรมชั่วได้
หนีไปในท่ามกลางมหาสมุทร ก็ไม่พึงพ้นจากกรรมชั่วได้
หนีไปสู่ซอกภูเขา ก็ไม่พึงพ้นจากกรรมชั่วได้
เพราะเขาอยู่แล้วในประเทศแห่งแผ่นดินใด ความตายพึงครอบงำไม่ได้
ประเทศแห่งแผ่นดินนั้น หามีอยู่ไม่
ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น
เมื่อถึงวันที่ ๗ ม้ามงคลของพระเจ้าสุปปพุทธะที่ใต้ปราสาทเกิดคึกคะนอง กระแทกฝาเกิดเสียงดัง พระเจ้าสุปปพุทธะเกิดเป็นห่วงม้า จึงทรงลงจากปราสาท เมื่อพระเจ้าสุปปพุทธะย่างพระบาทเหยียบแผ่นดิน ก็ถูกพระธรณีสูบลงไปบังเกิดอยู่ มหานรกอเวจี