เจ้านันทิยศากยะ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ทรงเรียกอริยสาวกผู้ไม่มีโสตาปัตติยังคะ ๔ ประการว่า เป็นคนภายนอก ตั้งอยู่ในฝ่ายปุถุชน
ผู้อยู่ด้วยความประมาท
อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระสงฆ์ และประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าสรรเสริญ
อริยสาวกนั้นพอใจแล้วในความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ และประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าสรรเสริญแล้ว ไม่พยายามให้ยิ่งขึ้นไป เพื่อความสงัดในกลางวัน เพื่อหลีกเร้นในกลางคืน
เมื่ออริยสาวกนั้นเป็นผู้ประมาทอยู่อย่างนี้ ย่อมไม่มีปราโมทย์ เมื่อไม่มีปราโมทย์ ก็ไม่มีปีติ เมื่อไม่มีปีติ ก็ไม่มีปัสสัทธิ เมื่อไม่มีปัสสัทธิ ย่อมอยู่เป็นทุกข์ จิตของผู้มีความทุกข์ย่อมไม่เป็นสมาธิ เมื่อจิตไม่เป็นสมาธิ ธรรมทั้งหลายย่อมไม่ปรากฏ
เพราะธรรมทั้งหลายไม่ปรากฏ อริยสาวกนั้นย่อมนับว่า อยู่ด้วยความประมาท
ผู้อยู่ด้วยความไม่ประมาท
อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระสงฆ์ และประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าสรรเสริญ
อริยสาวกนั้นยังไม่พอใจด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ และประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าสรรเสริญแล้ว พยายามให้ยิ่งขึ้นไป เพื่อความสงัดในกลางวัน เพื่อหลีกเร้นในกลางคืน
เมื่ออริยสาวกนั้นเป็นผู้ไม่ประมาทอยู่อย่างนี้ ย่อมเกิดปราโมทย์ เมื่อเกิดปราโมทย์ ย่อมเกิดปีติ เมื่อมีใจกอปรด้วยปีติ กายย่อมสงบ ผู้มีกายสงบ ย่อมได้เสวยสุข จิตของผู้มีความสุขย่อมเป็นสมาธิ เมื่อจิตเป็นสมาธิ ธรรมทั้งหลายย่อมปรากฏ
เพราะธรรมทั้งหลายปรากฏ อริยสาวกนั้นย่อมนับว่า อยู่ด้วยความไม่ประมาท
อ่าน นันทิยสูตร