Main navigation

พระองคุลิมาลเถระ

เหตุการณ์
พระผู้มีพระภาคทรงโปรดองคุลีมาลโจรและประวัติองคุลีมาลเถระ

ในแคว้นของพระเจ้าปเสนทิโกศล นครสาวัตถี มีโจรชื่อว่าองคุลีมาล เป็นคนหยาบช้า มีฝ่ามือเปื้อนเลือด ปักใจมั่นในการฆ่าตี ไม่มีความกรุณาในสัตว์ทั้งหลาย กระทำบ้านไม่ให้เป็นบ้าน กระทำนิคมไม่ให้เป็นนิคม กระทำชนบทไม่ให้เป็นชนบท เข่นฆ่าพวกมนุษย์แล้วเอานิ้วมือร้อยเป็นพวงทรงไว้

วันหนึ่ง พระผู้มีพระภาคทรงได้เสด็จไปบิณฑบาตยังพระนครสาวัตถี ครั้นเสด็จกลับจากบิณฑบาตแล้ว ได้เสด็จดำเนินไปตามทางที่องคุลิมาลโจรซุ่มอยู่ พวกชาวบ้านจึงได้กราบทูลให้พระองค์ทรงเลี่ยงเส้นทางนั้น แม้ครั้งที่สอง แม้ครั้งที่สาม พระผู้มีพระภาคทรงนิ่ง แล้วเสด็จไป

องคุลิมาลโจรเมื่อได้เห็นพระผู้มีพระภาคเสด็จมา จึงคิดจะปลงชีวิตพระองค์ พระผู้มีพระภาคบันดาลอิทธาภิสังขาร โดยประการที่องคุลิมาลโจร จะวิ่งจนสุดกำลัง ก็ไม่อาจทันพระผู้มีพระภาคผู้เสด็จไปตามปกติ

องคุลิมาลโจรจึงได้กล่าวกับพระผู้มีพระภาคว่า "จงหยุดก่อนสมณะ จงหยุดก่อนสมณะ"

พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า "เราหยุดแล้ว องคุลิมาล ท่านเล่าจงหยุดเถิด"

องคุลิมาลสงสัยจึงถามต่อไปว่า "ท่านหยุดแล้วเป็นอย่างไร ข้าพเจ้ายังไม่หยุดแล้วเป็นอย่างไร?"

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ทรงวางอาชญาในสรรพสัตว์ได้แล้ว จึงชื่อว่า หยุดแล้วในกาลทุกเมื่อ ส่วนองคุลีมาลไม่สำรวมในสัตว์ทั้งหลาย เพราะฉะนั้น ท่านจึงหยุดแล้ว แต่องคุลีมาลยังไม่หยุด

องคุลิมาลโจรสำนึก ได้ทิ้งอาวุธ แล้วทูลขอบรรพชากะพระสุคต ณ ที่นั้น ท่านองคุลิมาลถือการอยู่ในป่าเป็นวัตร ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร ถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร ถือผ้าสามผืนเป็นวัตร เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลมาตามจับองคุลีมาล ได้เข้ามาเฝ้าพระผู้มีพระภาค ได้ทรงพบองคุลีมาลเถระ ผู้ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ยังให้สงบ ให้ดับได้โดยไม่ต้องใช้อาญา ไม่ต้องใช้ศาสตรา

วันหนึ่ง องคุลีมาลได้พบหญิงมีครรภ์และได้อุทานว่า สัตว์ทั้งหลายย่อมเศร้าหมองหนอ สัตว์ทั้งหลายย่อมเศร้าหมองหนอ เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงทราบ ได้ตรัสให้องคุลีมาลไปโปรดหญิงมีครรภ์นั้นว่า ตั้งแต่เวลาที่ตนเกิดแล้วในอริยชาติ จะแกล้งปลงสัตว์จากชีวิตทั้งรู้หามิได้ ด้วยสัจจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่าน ขอความสวัสดีจงมีแก่ครรภ์ของท่านเถิด ความสวัสดีได้มีแก่หญิงมีครรภ์นั้น 

ภายหลัง ท่านพระองคุลิมาลหลีกออกจากหมู่อยู่แต่ผู้เดียว เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีตนส่งไปแล้วอยู่ไม่นานนัก ก็กระทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์อันไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า ได้เป็นอรหันต์องค์หนึ่งในจำนวนพระอรหันต์ทั้งหลาย

ด้วยผลกรรมที่ได้กระทำไว้ ครั้งหนึ่ง ท่านพระองคุลิมาล เข้าไปบิณฑบาตในพระนครสาวัตถี  ได้โดนก้อนดิน...  ท่อนไม้...  ก้อนกรวดที่บุคคลขว้างไปแม้โดยทางอื่นก็มาตกลงที่กายของท่านพระองคุลิมาล  ศีรษะแตก โลหิตไหล บาตรก็แตก ผ้าสังฆาฏิฉีกขาด เมื่อพระผู้มีพระภาคได้ทอดพระเนตรเห็นดังนั้น จึงได้ตรัสให้องคุลีมาลอดกลั้นไว้ องคุลีมาลได้เสวยผลกรรมซึ่งเป็นเหตุจะให้เธอหมกไหม้อยู่ในนรกตลอดปีตลอดร้อยปี ตลอดพันปี ในปัจจุบันนี้เท่านั้น

ต่อมา ท่านพระองคุลิมาลไปในที่ลับเร้นอยู่ เสวยวิมุติสุข และได้เปล่งอุทานในเวลานั้นว่า

ผู้ใด เมื่อก่อนประมาท ภายหลังผู้นั้นไม่ประมาท 
ผู้ใด ทำกรรมอันเป็นบาปแล้ว ย่อมปิดเสียได้ด้วยกุศล

ภิกษุใดแล ยังเป็นหนุ่ม ย่อมขวนขวายในพระพุทธศาสนา
เขาย่อมยังโลกนี้ให้สว่าง ดุจพระจันทร์ซึ่งพ้นแล้วจากเมฆ ฉะนั้น

ขอศัตรูทั้งหลาย จงฟังธรรมกถาเถิด จงขวนขวายในพระพุทธศาสนาเถิด ขอมนุษย์ทั้งหลายที่เป็นศัตรู จงคบสัตบุรุษผู้ชวนให้ถือธรรมเถิด ขอจงคบความผ่องแผ้วคือ ขันติ ความสรรเสริญคือ เมตตาเถิด ขอจงฟังธรรมตามกาล และจงกระทำตามธรรมนั้นเถิด ผู้ที่เป็นศัตรูนั้น ไม่พึงเบียดเบียนเราหรือใครๆ อื่นนั้นเลย  

ผู้ถึงความสงบอย่างยิ่งแล้ว พึงรักษาไว้ซึ่งสัตว์ที่สะดุ้งและที่มั่นคง คนทดน้ำ ย่อมชักน้ำไปได้ ช่างศร ย่อมดัดลูกศรได้ ช่างถาก ย่อมถากไม้ได้ ฉันใด บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมทรมานตนได้ ฉันนั้น

คนบางพวก ย่อมฝึกสัตว์ด้วยท่อนไม้บ้าง ด้วยขอบ้าง ด้วยแส้บ้าง เราเป็นผู้ที่พระผู้มีพระภาคทรงฝึกแล้ว โดยไม่ต้องใช้อาญา ไม่ต้องใช้ศาตรา

เมื่อก่อนเรามีมือเปื้อนเลือด ปรากฏชื่อว่า องคุลิมาล ถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ จึงถอนตัณหาอันจะนำไปสู่ภพเสียได้ เรากระทำกรรมที่จะให้ถึงทุคติเช่นนั้นไว้มาก อันวิบากของกรรมถูกต้องแล้ว เป็นผู้ไม่มีหนี้ บริโภคโภชนะ

พวกชนที่เป็นพาลทรามปัญญา ย่อมประกอบตามซึ่งความประมาท ส่วนนักปราชญ์ทั้งหลาย ย่อมรักษาความไม่ประมาทไว้ เหมือนทรัพย์อันประเสริฐ ฉะนั้น

ท่านทั้งหลาย จงอย่าประกอบตามซึ่งความประมาท อย่าประกอบตามความชิดชมด้วยสามารถความยินดีในกาม เพราะว่าผู้ไม่ประมาทแล้ว เพ่งอยู่ ย่อมถึงความสุขอันไพบูลย์

การที่เรามาสู่พระพุทธศาสนานี้นั้น เป็นการมาดีแล้ว ไม่ปราศจากประโยชน์ ไม่เป็นการคิดผิด บรรดาธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงจำแนกไว้ดีแล้ว เราก็ได้เข้าถึงธรรมอันประเสริฐสุดแล้ว (นิพพาน) การที่เราได้เข้าถึงธรรมอันประเสริฐสุดนี้นั้น เป็นการถึงดีแล้ว ไม่ปราศจากประโยชน์  ไม่เป็นการคิดผิด วิชชา ๓ เราบรรลุแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เรากระทำแล้ว



อ่าน อังคุลิมาลสูตร
 

อ้างอิง
อังคุลิมาลสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๓ ข้อที่ ๕๒๑-๕๓๔ หน้า ๓๕๘-๓๖๗
ลำดับที่
7

สถานที่

วิหารเชตวัน

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ