พระนางยโสธรา
พระศาสดาเสด็จมายังปราสาทของพระนางยโสธรา เมื่อมาถึงพระนางยโสธราถวายบังคมแล้วเกลือกพระเศียรลงบนหลังพระบาททั้งสอง พระเจ้าสุทโธทนะได้ทูลถึงความรักเคารพของพระนางยโสธราว่า พระนางได้ใช้ชีวิตเช่นเดียวกับที่พระพุทธองค์ปฏิบัติ และครององค์เหมือนหญิงหม้าย พระผู้มีพระภาคจึงตรัสเล่าจันทกินนรชาดก ว่าด้วยเรื่องความจงรักภักดีของพระนางที่มีต่อพระองค์เองในอดีตครั้งเมื่อเสวยพระชาติเป็นกินนร อยู่ในป่าหิมพานต์ เพื่อบรรเทาความเศร้าโศกของพระนาง
จันทกินนรชาดก ว่าด้วย นางจันทกินนรี
ในอดีต สมัยพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติ ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์กำเนิดเป็นกินนร มีภรรยานามว่า จันทา ทั้งคู่อาศัยอยู่ที่ภูเขาเงินชื่อว่า จันทบรรพต ในป่าหิมพานต์ ครั้งนั้นพระเจ้าพาราณสีได้มอบราชสมบัติแก่หมู่อำมาตย์ แล้วทรงผ้าย้อมฝาดสองผืน สอดพระเบญจาวุธ เข้าสู่ป่าหิมพานต์เพียงพระองค์เดียว ล่าสัตว์เป็นอาหาร ท่องเที่ยวไปตามลำน้ำสายหนึ่งจนขึ้นไปถึงต้นสาย
ฝูงกินนรที่อยู่ ณ จันทบรรพต เมื่อถึงฤดูแล้งจึงพากันลงมาจากภูเขา โดยจันทกินนรลงมากับจันทากินนรี เที่ยวเก็บเล็มของหอม กินเกสรดอกไม้ เหนี่ยวเถาชิงช้าเป็นต้น เล่นพลางขับร้องไปพลาง จนมาหยุดที่ลำน้ำสายนั้น แล้วลงเล่นน้ำ นุ่งห่มสาหร่ายดอกไม้ จัดแจงแต่งที่นอนด้วยดอกไม้ จากนั้นจันทกินนรนั่งเหนือที่นอน เป่าขลุ่ยขับร้องเพลง จันทากินรีก็ฟ้อนหัตถ์อยู่ใกล้ๆสามี ฟ้อนบ้าง ขับร้องบ้าง
เมื่อพระราชาได้ยินเสียงขับร้องนั้น ก็ค่อยๆไปยืนแอบทอดพระเนตร แล้วทรงมีจิตปฏิพัทธ์ในกินรี ทรงคิดว่า ถ้ายิงกินนรให้สิ้นชีวิต ก็จะได้อยู่ร่วมกับกินรี ดังนั้นจึงทรงยิงจันทกินนร จันทกินนรเจ็บปวด นอนคร่ำครวญอยู่เหนือที่นอนดอกไม้ ได้รำพันถึง ชีวิตที่กำลังจะตาย มีความเศร้าโศกยิ่งใหญ่ เนื่องจากนางจันทาจะต้องเศร้าโศกถึงตนอย่างมากมาย กินนรชักดิ้น จนสิ้นสติไป ฝ่ายจันทากินรีตอนแรกยังไม่รู้ว่ากินนรถูกยิง จนเห็นเลือดไหลออกจากปากแผล ก็ร้องไห้เสียงดัง เพราะความเศร้าโศกถึงสามีอย่างมากมาย
ด้านพระราชาคิดว่ากินนรตายแล้ว จึงปรากฏพระองค์ออกมา เมื่อจันทาเห็นก็คิดว่าโจรผู้นี้คงยิงสามีของนาง จึงหนีไปอยู่บนยอดเขา พลางต่อว่าพระราชา ว่าพระราชบุตรใด ยิงสามีของนาง เพื่อให้เป็นหม้าย เป็นคนเลว ขอให้มารดาและชายาของพระราชบุตรนั้นได้รับสนองความโศกเศร้านี้ของนาง พระราชบุตรได้ฆ่ากินนรผู้ไม่ประทุษร้าย เพราะความรักใคร่นาง ขอให้มารดาและชายาของราชบุตรนั้น ไม่ได้พบเห็นบุตร และสามีเลย
พระราชาจึงตรัสปลอบนางจันทาไม่ให้เศร้าโศก และจะแต่งตั้งให้เป็นอัครมเหสีของพระองค์ แต่นางจันทาตอบว่า ถึงแม้ตายก็จะไม่ยอมเป็นของคนที่ฆ่าสามีนาง เมื่อพระราชาได้ฟังแล้ว หมดความรักใคร่ จึงเสด็จไปอย่างหมดเยื่อใย
นางจันทาจึงลงมาอุ้มพระโพธิสัตว์ขึ้นสู่ยอดภูเขา ให้นอนเหนือยอดภูเขา ยกศีรษะวางไว้เหนือขาของตน พลางร้องไห้เป็นกำลัง แล้วรำพันว่าจะทำอย่างไร เมื่อไม่ได้เห็นกินนร ในสถานที่ต่างๆที่เคยอยู่เคยไปด้วยกัน และเมื่อวางมือลงที่อกของพระมหาสัตว์ พบว่ายังอุ่นอยู่ ก็คิดว่าพระมหาสัตว์ยังมีชีวิตอยู่ นางจึงกระทำการเพ่งโทษเทวดา เพื่อให้ชีวิตของพระมหาสัตว์คืนมา โดยเพ่งโทษท้าวโลกบาล ว่าหายไปไหนหรือว่าตายแล้ว จึงไม่ดูแลสามีรักของนาง
ด้วยแรงความโศกของนาง ทำให้ร้อนถึงพิภพท้าวสักกะ ท่านได้แปลงเป็นพราหมณ์ถือกุณฑีน้ำมารดพระมหาสัตว์ ทำให้พิษหายไปในทันที แผลเกิดเต็ม แม้แต่รอยถูกยิงก็ไม่ได้ปรากฏ พระมหาสัตว์ลุกขึ้นได้ จันทาเห็นดังนั้น เกิดความดีใจ ไหว้แทบเท้าของท้าวสักกะ ซึ่งท้าวสักกะบอกทั้งสองไม่ให้ลงจากเขาจันทบรรพตไปถิ่นมนุษย์อีกต่อไป เมื่อท้าวท่านเสด็จกลับ จันทากินรีก็ได้ชักชวนพระมหาสัตว์กลับสู่จันทบรรพตด้วยกัน
พระศาสดาทรงแสดงพระธรรมเทศนานี้ แล้วตรัสว่า ไม่ใช่แค่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในครั้งก่อน พระนางยโสธราก็ไม่ได้เอาใจออกห่างจากพระองค์ ไม่ใช่หญิงที่ผู้อื่นจะนำไปได้
และทรงประชุมชาดกว่า พระราชาในครั้งนั้นได้มาเกิดเป็นเทวทัต ท้าวสักกะได้มาเกิดเป็นอนุรุทธะ จันทากินรีได้มาเกิดเป็นมารดาของราหุล ส่วนจันทกินนรได้เกิดมาเป็นพระตถาคต
เมื่อฟังพระธรรมเทศนาเรื่องนี้จบ พระนางยโสธราก็ได้บรรลุโสดาปัตติผล
อ่าน จันทกินนรชาดก
อ่าน อรรถกถาจันทกินนรชาดก