Main navigation

อนาถบิณฑิกคหบดีเข้าเฝ้าครั้งแรก

เหตุการณ์
อนาถบิณฑิกเศรษฐีเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าครั้งแรกที่นครราชคฤห์ พระพุทธเจ้าทรงแสดงอนุปุพพิกถาและอริยสัจสี่ เมื่อพระพุทธเจ้าแสดงธรรมจบ อนาถบิณฑิกเศรษฐีมีดวงตาเห็นธรรมบรรลุโสดาปัตติผล

อนาถบิณฑิกคหบดีผู้เป็นน้องเขยของราชคหเศรษฐี ได้เดินทางมายังเมืองราชคฤห์ เพื่อทำธุระ พบว่าราชคหเศรษฐีกำลังสั่งทาสและกรรมกรให้ตื่นแต่เช้าตรู่ เพื่อจัดทำอาหารที่มีรสอร่อย จึงคิดว่าเศรษฐีจะมีงานอาวาหมงคล วิวาหมงคล ประกอบมหายัญ หรือได้ทูลเชิญเสด็จพระเจ้าพิมพิสารพร้อมทั้งกองพลมาเลี้ยงในวันรุ่งขึ้น จึงสอบถามกับราชคหเศรษฐี ได้ความว่า เศรษฐีจะประกอบมหายัญ คือ ได้นิมนต์พระสงฆ์โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข เพื่อเลี้ยงในวันรุ่งขึ้น

เมื่อได้ยินคำว่าพระพุทธเจ้า อนาถบิณฑิกคหบดีกล่าวว่า แม้คำว่า พุทธะ นี้ก็ยากที่จะหาได้ในโลก จึงประสงค์ที่จะเข้าเฝ้าเยี่ยมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งราชคหเศรษฐีแนะนำให้มาเข้าเฝ้าในวันรุ่งขึ้น

หลังจากนั้น อนาถบิณฑิกคหบดีนอนนึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ ว่าจะได้เข้าเฝ้าพระองค์

ในคืนนั้น ท่านคหบดีลุกขึ้นตอนกลางคืนถึงสามครั้ง เพราะเข้าใจว่าสว่างแล้ว จึงได้เดินไปทางประตูป่าสีตวัน ซึ่งพวกอมนุษย์เปิดประตูให้ ขณะเมื่อเดินออกจากพระนคร แสงสว่างได้หายไป ความมืดปรากฏเข้ามาแทน ทำให้ท่านคหบดีเกิดความกลัว คิดจะเดินกลับ ขณะนั้น สีวกยักษ์ไม่ปรากฏร่าง กล่าวให้คหบดีเดินต่อไปข้างหน้า อย่าได้ถอยกลับ ทันใดนั้น ความมืดก็หายไป เกิดแสงสว่างขึ้นมาแทน ทำให้ความกลัวสงบลงได้ เหตุการณ์เช่นนี้ได้เกิดขึ้นถึงสามครั้ง

หลังจากนั้นอนาถบิณฑิกคหบดีได้เดินเข้าไปยังสีตวัน  ขณะนั้นพระผู้มีพระภาคเสด็จลุกขึ้นจงกรมในที่แจ้ง ณ เวลาปัจจุสสมัยแห่งราตรี ได้ทอดพระเนตรเห็นอนาถบิณฑิกคหบดีเดินมาแต่ไกล จึงเสด็จลงจากที่จงกรมประทับนั่งเหนืออาสนะที่ปูลาดไว้ แล้วตรัสเรียกสุทัตตะให้เข้ามาหาพระองค์ ยังความดีใจแก่อนาถบิณฑิกคหบดี ว่าพระผู้มีพระภาคตรัสเรียกชื่อตน

พระผู้มีพระภาคตรัสกับท่านคหบดีว่า พราหมณ์ผู้ดับทุกข์ได้แล้ว ย่อมอยู่เป็นสุขทุกเวลา ผู้ใดไม่ติดในกาม มีใจเย็น ไม่มีอุปธิ ตัดความเกี่ยวข้องทุกอย่างได้แล้ว บรรเทาความกระวนกระวายในใจ ถึงความสงบแห่งจิต เป็นผู้สงบระงับแล้ว ย่อมอยู่เป็นสุข

พระผู้มีพระภาคทรงตรัสอนุปุพพิกถาแก่อนาถบิณฑิกคหบดี คือ บรรยายถึงทาน ศีล สวรรค์ อาทีนว ความต่ำทราม ความเศร้าหมองของกามทั้งหลาย แล้วทรงประกาศอานิสงส์ในการออกจากกาม เมื่อคหบดีมีจิต มีจิตอ่อน ปราศจากนิวรณ์ มีจิตเลื่อมใสแล้ว จึงทรงประกาศพระธรรมเทศนาที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงยกขึ้นแสดงด้วยพระองค์เอง คือ ทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ความดับทุกข์ และข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์

ขณะนั้นดวงตาเห็นธรรม ได้เกิดแก่อนาถบิณฑิกคหบดีว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลมีความดับเป็นธรรมดา บรรลุพระโสดาบัน และขอถึงพระผู้มีพระภาค พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นสรณะ เป็นอุบาสกผู้มอบชีวิตถึงสรณะตั้งแต่นี้เป็นต้นไป และนิมนต์พระองค์พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์รับภัตตาหารของตนในวันรุ่งขึ้น

เมื่อทราบข่าวนี้ ราชคหเศรษฐี ชาวนิคมเมืองราชคฤห์ และพระเจ้าพิมพิสาร ต่างจะให้ยืมทรัพย์ของตนเพื่อจับจ่ายสิ่งของ ทำอาหารเลี้ยงพระสงฆ์ซึ่งมีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข แต่ท่านคหบดีไม่รับ และสั่งให้จัดอาหารอันประณีตในนิเวศน์ของราชคหเศรษฐี

วันรุ่งขึ้น เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงฉันภัตตาหารเสร็จ อนาถบิณฑิกคหบดีขอให้พระผู้มีพระภาคพร้อมกับภิกษุสงฆ์ทรงรับอาราธนาอยู่จำพรรษาในเมืองสาวัตถี แต่พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า พระตถาคตทั้งหลาย ย่อมยินดีในสุญญาคาร จากนั้นทรงแสดงธรรมีกถาแก่อนาถบิณฑิกคหบดีแล้วทรงเสด็จกลับ

 

 

อ่าน อนาถบิณฑกคหบดีเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าครั้งแรก

อ้างอิง
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๗ ข้อที่ ๒๔๑-๒๕๕ หน้า ๖๕-๗๐
ลำดับที่
26

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ