เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเหมาะกับกรรมฐานไหน
กรรมฐานมีทั้งหมด ๔๐ กอง แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าอันไหนเหมาะกับเราที่สุดครับ เพราะตอนนี้อยู่ในช่วงที่ว่าลองหลาย ๆ แบบ แต่ก็ไม่รู้ว่าอย่างไหนที่เรียกว่าเหมาะที่สุด เพราะแต่ละคนก็เข้าใจว่าน่าจะไม่เหมือนกัน
กรรมฐานที่พระพุทธเจ้าสอนจริงมีหลายร้อยกว่าวิธี แต่ ๔๐ วิธีนั้นเป็น ๔๐ วิธีอย่างง่ายเหมือนออเดิร์ฟ ยังมีวิธีหลักและวิธีพิเศษอีกมาก วิโมกข์ก็เป็นกรรมฐานพิเศษที่เราฝึกกัน วิธีพวกนี้จะรวมสมถะ วิปัสสนา วิราคะไปด้วยกัน และยังมีอื่น ๆ อีกมากมาย เดี๋ยวเราจะค่อย ๆ ฝึกกันไปที่มูลนิธิ หากไม่รีบตาย จะฝึกกันให้ครบ
คราวนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเหมาะกับอะไร ความจริงแล้ว กรรมฐานทุกกองเหมาะกับทุกคน แต่เหมาะในแต่ละภาวะชีวิตและภาวะจิต ในบางภาวะอานาปานสติเหมาะ ในบางภาวะกสิณเหมาะ ในบางภาวะต้องอสุภะ ในบางภาวะต้องมหาสติปัฏฐาน เหมาะหมดเลย แต่เราต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับอารมณ์จริตที่โดดเด่นในช่วงนั้น มันเหมือนบางช่วงเราควรจะทานเกลือแร่บ้าง บางช่วงเราควรจะทานโปรตีนบ้าง บางช่วงก็อย่าลืมคาร์โบไฮเดรต บางช่วงก็ต้องเป็นผักผลไม้ ในที่สุดมันต้องการหมดเลย และแนะนำให้ปฏิบัติทุกอย่าง แต่ในช่วงชีวิตหนึ่ง ๆ เมื่ออะไรที่ fit in กับภาวะชีวิตช่วงนั้น ก็ให้เอาวิธีนั้นเป็นหลักก่อน
รู้ได้อย่างไร
1) ลองทำดู
2) ใช้พุทธวิธีจำแนกกรรมฐานก็ได้
ช่วงใดพุทธจริตขึ้น รู้ชัด ก็จตุธาตุววัฏฐาน พิจารณาธาตุให้แตกฉาน อุปสมานุสสติน้อมเข้าสู่พระนิพพานเนือง ๆ
ช่วงใดราคะกำเริบ ก็ต้องรีบพิจารณาอสุภะ
ช่วงใดโทสะแผลงฤทธิ์ ก็ต้องเมตตามหาศาล
ช่วงใดศรัทธาฉ่ำ ก็เจริญพุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ สีลานุสสติ เทวตานุสสติ จาคานุสสติ ก็ก้าวหน้าเลย
ช่วงใดเบลอ ๆ โมหะครอบงำ ง่วงบ่อย ก็อานาปานสติ ตั้งหลักกับลมหายใจก่อน
ช่วงใดวิตกฟุ้งซ่าน ก็อานาปานสติเช่นกัน ตั้งหลักกับลมหายใจก่อน
จะเห็นได้ว่าชีวิตจริงเรามีทุกรส จึงต้องเจริญทุกกรรมฐานให้ชำนาญ
ปฏิบัติกรรมฐานอย่างเดียวเหมือนกินอาหารจานเดียวทุกมื้อ ปฏิบัติกรรมฐานหลากหลายเหมือนกินอาหารเหลา บำรุงทุกอวัยวะ เป็นยาธรรมชาติป้องกันทุกโรค
คนอัตคัดความเข้าใจก็กินอาหารจานเดียว คนร่ำรวยความเข้าใจก็กินอาหารเหลา