เหตุให้สำเร็จอรหันต์ได้ด้วยธรรมไม่กี่ประโยค
เรียนถามท่านอาจารย์ครับ ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนท่านพาหิยะว่า "เมื่อเห็นก็สักว่าเห็น เมื่อได้ยินก็สักว่าได้ยิน เมื่อรู้ก็สักว่ารู้ ไม่ใส่ใจโดยพยัญชนะและอนุพยัญชนะอยู่เถิด" อนุพยัญชนะคืออะไรครับ และทำไมสอนแค่นี้ท่านพาหิยะจึงสำเร็จอรหันต์ได้
ตอบคำถามแรก พยัญชนะและอนุพยัญชนะ
พยัญชนะ คือนิยาม นิยามคือการจำแนกสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นหน่วยย่อยตามความแตกต่างกัน มนุษย์นิยามสิ่งต่าง ๆ เป็นภาษา ภาษาคือสมมติ มีพยัญชนะเป็นเครื่องมือ
อนุพยัญชนะ คือสิ่งที่ต่อเนื่องตามมาจากนิยามนั้น เช่น ความนิยม ความจงใจในการสื่อความอารมณ์ ความถูกความผิดตามสมมติ ความคิดต่อเนื่อง ความเห็นด้วยความไม่เห็นด้วย ความเข้าใจความไม่เข้าใจ เหล่านี้คืออนุพยัญชนะ
ทั้งพยัญชนะและอนุพยัญชนะนี้แหละ คือเครื่องมือในการยึดถือและปรุงแต่งของมนุษย์ แต่เป็นสมมติทั้งสิ้น ไม่ใช่ตัวสภาวะแท้ ๆ เช่น คำว่านิพพาน และนิยามบัญญัติต่าง ๆ ของคำว่านิพพาน เป็นสมมติ
ส่วนสภาวะนิพพานจริง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสมมติใด ๆ คือสภาวะเหนือสมมติที่เป็นอยู่อย่างนั้นตลอดกาล
ส่วนคำถามที่สอง ทรงสอนแค่นี้ ทำไมท่านพระพาหิยะบรรลุธรรมได้
เรื่องนี้ต้องดูหลายมิติ
มิติที่หนึ่ง ท่านปรารถนาจะเป็นผู้เป็นเลิศในด้านบรรลุธรรมเร็วตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้าทีปังกรแล้ว และได้รับพยากรณ์แล้ว สิ่งใดที่พระพุทธเจ้าพยากรณ์แล้ว ย่อมเป็นไปตามนั้น ไม่อาจเป็นอื่นได้
มิติที่สอง ชาติที่แล้วก่อนมาเกิดเป็นพาหิยะ ท่านเป็นภิกษุผู้ปฏิบัติธรรมอุกฤษฏ์กับเพื่อนสหธรรมิกอยู่ในถ้ำบนเขาสูง แล้วตั้งสัจจาธิษฐานว่า หากเราไม่บรรลุธรรมตราบใด จะไม่บิณฑบาต ไม่ฉันอาหาร แล้วท่านก็ตายไป เพราะไม่ทานอาหาร
การอุทิศชีวิตเพื่อการบรรลุธรรมนั้น ทำให้อธิษฐานบารมี วิริยะบารมี สัจจะบารมี ขันติบารมี ศีลบารมี อุเบกขาบารมีของท่านเต็มและเกือบเต็ม อันเป็นปัจจัยให้บรรลุธรรมง่ายมากเมื่อเวลาอันควรบรรลุธรรมมาถึง
มิติที่สาม ชาติสุดท้าย ท่านเดินทางด้วยเรือสำเภา ปรากฏว่าเรือแตก ท่านว่ายน้ำขึ้นฝั่งได้ ในสภาพล่อนจ้อน ผู้คนเข้าใจว่าท่านสำเร็จอรหันต์แล้วจึงกราบไหว้บูชา ท่านก็ไม่รู้ว่าพระอรหันต์เป็นอย่างไร ก็เลยเออออตามประชาชนไป จนพรหมสุทธาวาสท่านหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนเก่าของท่านที่เคยปฏิบัติร่วมกันอยู่ในถ้ำชาติที่แล้ว และสำเร็จเป็นอนาคามี ได้มาบอกกับท่านว่า ท่านยังไม่ใช่พระอรหันต์ บัดนี้มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติแล้วในโลก อยู่เมืองสาวัตถี ให้รีบไปหาพระพุทธเจ้า ท่านพาหิยะทราบดังนั้นก็ดีใจมาก ทิ้งลาภสักการะออกเดินทางไปหาพระพุทธเจ้าทันที
มิติที่สี่ ท่านเดินทางเจ็ดวันเจ็ดคืนมาหาพระพุทธเจ้าโดยไม่พักเลย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับท่านที่อุทิศชีวิตเพื่อการปฏิบัติธรรมมาแล้ว การกระทำนั้น ทำให้ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสาท่านเต็ม สมาธิปธานสังขารบริบูรณ์ พร้อมที่จะสำเร็จทุกอย่าง ฤทธิ์ ปัญญา และวิมุตติ
มิติที่ห้า เมื่อมาพบพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงตรวจสภาวะจิตแล้ว เห็นว่าสติสมาธิท่านดีมากแล้ว จึงทรงประทานธรรมเพื่อการหลุดพ้นตรง ๆ คือ "สักว่าเห็น สักว่าได้ยิน สักว่ารู้ ไม่ใส่ใจโดยพยัญชนะ (นิยาม) และอนุพยัญชนะ (ความนิยม ไม่นิยม อารมณ์ เจตนา และการปรุงแต่งทั้งหลาย)" ซึ่งสมมติทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ไร้แก่นสาร ทำให้จิตใจทั้งหลายปนเปื้อน ปรุงแต่ง ว้าวุ่น บ้าบอ เครียด จมทุกข์ จึงทรงนำจิตท่านพาหิยะดับสมมติโดยสิ้น
เมื่อดับสมมติขาด ก็พบวิมุตติทันที ท่านพาหิยะก็สำเร็จอรหันต์โดยทันใดที่ดับสมมติได้ขาดสิ้น
ต่อมาพระพุทธองค์ทรงประกาศว่า ท่านพระพาหิยะเป็นผู้เลิศด้านการบรรลุธรรมเร็วพลัน
รู้แล้ว ก็ปฏิบัติจริงจังนะ อายุมนุษย์สั้นนัก ไม่มีเวลาให้เหลวไหลเลย จงประพฤติธรรมให้สมควรแก่ธรรม คือแม่น ๆ กับสภาวะตน สู่ผลตรง ๆ